สีน้ำเงินครองสภาสูง จุดเปลี่ยนการเมือง 3ขั้ว เพื่อไทย-ก้าวไกล-ภูมิใจไทย
เกมการเมืองเปลี่ยนบริบท หลังสว.200คนพาเหรดเข้าสภาสูง จับตาสายสีน้ำเงินเป็นแรงส่งเพิ่มอำนาจต่อรองพลิกขั้วแกนนำตั้งรัฐบาล ตอกย้ำการเมืองไทยคือการประสานต่อรองผลประโยชน์อย่างมีศิลปะ
การเปลี่ยนเกมในสภาสูงหลังได้สว.ใหม่200คน กำลังทำให้บริบทการเมืองไทยเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและนำมาซึ่งอำนาจการต่อรองครั้งใหม่ เมื่อส่องไปที่โครงสร้าง สว.200คน มีสัดส่วนการแบ่งสีออกเป็น
- สายสีน้ำเงิน 70% (140คน)
- สายสีส้ม 9% (18คน)
- สายสีแดง 4.5%
- สายสีเขียวในป่า 1.5% (3คน)
- สายสีฟ้า (กลุ่มทุน) 1.5% (3คน)
- อื่นๆ 13.5% (27คน)
หมายความว่า สว.สายสีน้ำเงินที่มีจำนวนมากกว่าใคร จะทำให้เกิดการคุมเกมในสภาสูง เป็นแรงหนุนส่งให้มีโอกาสพลิกเกมเป็นแกนำในการการจัดตั้งรัฐบาลได้มากขึ้น
ขณะที่สถานะของสีน้ำเงิน ที่ร่วมรัฐบาล ก็มีกำลังอำนาจต่อรองเพิ่ม ขี่สายสีแดง ทั้งคดียุบพรรค การลุ้นพลิกเกม คดีเขาบ้านบิ๊กสีน้ำเงิน การคุมเกมองค์กรอิสระ (องค์กรอิสระสีน้ำเงิน) และด้วยพลังแห่งอำนาจสามารถดูดนักการเมืองเข้าพรรคได้ง่ายขึ้น เพราะการเมืองคือการประสานต่อรองผลประโยชน์อย่างมีศิลปะ
แม้สว.ชุดใหม่ ไม่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ยังทรงพลัง สามารถชี้ทิศทางการเมืองไทยได้จากการปั้มตรา องค์กรอิสระ ดังนั้นนับจากนี้ พรรคสายสีน้ำเงิน เป็นแกนหลัก"ขั้วอนุรักษ์"แทนพรรคสายสีแดง
บริบททางการเมืองขณะนี้มีแรงถ่วงดุล3ขั้ว ประกอบด้วย เพื่อไทย ก้าวไกล ภูมิใจไทย โดยโครงสร้างปัจจุบัน เพื่อไทย รวมกับภูมิไทย ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ในทางกลับกัน หากก้าวไกลรวมกับภูมิใจไทย เพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน
แต่จะรวมกัน3ขั้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ โจทย์ ณ วันนี้ เพื่อไทยไปกดก้าวไกล โดยมีภูมิใจไทยค้านอำนาจ ขณะที่ภูมิใจไทยก็กำลังสร้างพลังความนิยมของตัวเอง บริบทการเมืองไทยจึงเข้าสู่ยุค3ฝ่าย
ก้าวไกล ได้รับความนิยมในภาคประชาชน อุดมการณ์ ชัดเจน แต่ก็เสี่ยงยุบพรรค ขณะที่รอจังหวะร่วมรัฐบาล เพื่อไทย คุมเสียงสส.เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ภูมิใจไทย คุมเสียงสว. กำหนดองค์กรอิสระ ต่อรองอำนาจในรัฐบาล
เรื่องที่จับตาคือพันธกิจแรกของ200สว.ชุดใหม่ คือการเลือกประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภา เพื่อนำไปสู่การรับรองโหวตเลือกประธานศาลปกครองสูงสุด ประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ และอัยการสูงสุด ไพรัช พรสมบูรณ์ ที่ผ่านกระบวนการสรรหาจาก สว.ชุดเก่า
เกมการเมืองไทยจึงเป็นเรื่องที่น่าจับตาด้วยประการฉะนี้.


