สุดารัตน์-เพื่อไทย โต้เดือด เลอะเทอะ ปม โละทิ้งปาร์ตี้ลิสต์ สกัดก้าวไกล
สุดารัตน์ ไทยสร้างไทย โต้ เศรษฐา หลังบอก เลอะเทอะ มีแนวคิดแก้รธน. เหลือแค่สส.เขต 500คน โละทิ้งปาร์ตี้ลิสต์ สกัดก้าวไกล จี้ นายกฯ ออกสัญญาประชาคม ไม่แก้กฎเพื่อความได้เปรียบการเมือง ขุดการกระทำ คำพูดในอดีต พูดอย่างทำอย่าง อนุสรณ์ ร่วมวงอัด หญิงหน่อย อย่าใส่ร้าย จินตนาการ
เพจเฟซบุ๊ค พรรคไทยสร้างไทย เผยแพร่ความเห็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ระบุถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรณีการยกเลิก หรือลด สส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะจริงเท็จ เลอะเทอะหรือไม่ พร้อมตอบโต้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาระบุเรื่องดังกล่าว เลอะเทอะ ว่า
โละ หรือลด Party List จะจริงเท็จ เลอะเทอะหรือไม่
คุณเศรษฐาและพรรคเพื่อไทยต้องเป็นผู้ยืนยัน เป็นสัญญาประชาคม ต่อประชาชนว่า จะไม่แก้รัฐธรรมนูญเพื่อความได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมืองของนักการเมืองเท่านั้น และต้องให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากประชาชนเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ภายในเวลารวดเร็ว โดยไม่ใช้เทคนิคการถ่วงเวลา
ดิฉันอยากเห็นรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย อยู่บนพื้นฐานของการดูแลสิทธิและโอกาสของประชาชน อย่างทั่วถึงทัดเทียม รวมทั้งสามารถรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคง โดยไม่ปล่อยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีวาระซ่อนเร้น เพื่อประโยชน์ทางการเมือง และเพื่อเตรียมการ ให้มีโอกาสชนะในการเลือกตั้งครั้งต่อไปมากที่สุดเท่านั้น ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน และอาจเป็นชนวนนำมาสู่ ความวุ่นวายของบ้านเมืองในอนาคต
สำหรับแนวคิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลดจำนวนหรือยกเลิกสส.ระบบบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น ตามที่ปรากฏข่าวไปแล้ว จะเป็นเรื่องเท็จ หรือเรื่องจริงหรือเป็นเรื่องที่เลอะเทอะ อยู่ที่นายกรัฐมนตรีต้องให้คำมั่นเป็น สัญญาประชาคมกับประชาชน ว่าจะไม่มีการแก้ไข และการยกเลิกหรือลดจำนวน สส.ปาร์ตี้ลิสต์ หรือ สส.แบบบัญชีรายชื่อ เพราะเจตนารมณ์ของการกำหนดให้มี สส.แบบบัญชีรายชื่อ เพื่อให้พรรคการเมือง ได้คัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและมีความชำนาญเฉพาะด้าน เพื่อนำความรู้มาช่วยในการพัฒนาประเทศชาติ
อีกทั้งปรากฎว่าในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ได้สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากบัตรใบเดียว เป็นบัตรสองใบ และมีการลดจำนวนสส.ปาร์ตี้ลิสต์ จาก 150 คนให้เหลือ 100 คน เพื่อเพิ่มสส.เขตจาก350 เป็น 400 คนมาแล้ว รวมถึงหลายๆเหตุการณ์ที่ผ่านมา ก่อนเลือกตั้งพูดอย่าง หลังเลือกตั้งทำอีกอย่าง แล้วบอกว่าเป็น“เทคนิคการหาเสียง” ซึ่งทำให้ระบบการเมืองถูกมองว่า“เลอะเทอะที่สุด” ในยุคนี้ ทั้งที่ประชาชนต้องการการเมืองที่มี“คุณภาพและคุณธรรม” และต้องการความจริงใจจากนักการเมือง
เคยบอกให้สัญญากับประชาชนว่า จะไม่จับมือกับ 3ป.เพราะรังเกียจเผด็จการ ด่าเขาสารพัด ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง แต่เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล ยอมตระบัดสัตย์ กับคนที่ตนเคยด่าเขาว่าเป็นเผด็จการ และก็ไปร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล บอกกับประชาชนว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาล จะลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันทันที แต่จนถึงวันนี้ ปัญหาเหล่านี้กลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนไทย กระทบรายได้ ค่าครองชีพ ต้นทุนการผลิต ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ลงมือแก้ไขอย่างจริงจัง และยังบอกว่า เมื่อได้เป็นรัฐบาลจะแจกดิจิทัลวอลเลททันที ไม่กู้ซักบาท แต่สุดท้ายต้องกู้ทุกบาท และจนถึงตอนนี้ประชาชนก็ยังไม่ได้สักบาท หรือหากได้ ก็มาพร้อมกับภาระหนี้สินมหาศาลถึง 500,000 ล้านบาท ของคนไทยทุกคนไปพร้อมๆกัน เป็นการแบกรับความเสี่ยง ทางการเงินและการคลังในระยะยาว
รวมทั้งยังมีอีกหลายนโยบายที่ไม่ได้เดินหน้าตามที่ได้ประกาศไว้ตอนหาเสียง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูประบบราชการ, ปฏิรูปการศึกษา, เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท, รถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย และอีกหลากหลายนโยบายสวยหรู โดยเฉพาะจะทำให้ทุกครอบครัวมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน จึงขอถามคุณเศรษฐาในฐานะหัวหน้ารัฐบาลว่า นโยบายเหล่านี้ และอีกหลายนโยบายที่เคยพูดไว้ เป็นเพียงเทคนิคการหาเสียงใช่หรือไม่ ถ้าทำแน่นอน จะทำเมื่อไหร่ ตอบประชาชนให้ชัดเจน อย่าพูด“เลอะเทอะ”
ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี คุณหญิงสุดารัตน์ อ้างว่ามีความพยายามจะแก้รัฐธรรมนูญให้สส.มีที่มาจากระบบเขตทั้งหมด 500 ที่นั่ง ตัดระบบบัญชีรายชื่อออกไป เพื่อสกัดพรรคก้าวไกลว่า ถ้าท่านพูดกับคนในครอบครัว หรือสมาชิกพรรคของท่านเป็นการภายใน จะมโนกันฉ่ำแค่ไหนก็เป็นสิทธิ แต่การจินตนาการแบบไม่มีมูลความจริงเลยออกสื่อ ต้องระมัดระวังว่าต้นทุนความน่าเชื่อถือของท่านจะหดหายลดต่ำลงไปเรื่อยๆ
สิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศจุดยืนชัด และได้ดำเนินการไปแล้ว คือ การเสนอแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ ส.ส.ร.ไปร่างรัฐธรรมนูญ และหากมีการตั้ง ส.ส.ร.พรรคการเมืองก็จะไม่สามารถไปครอบงำการทำงานของส.ส.ร.ได้ การจินตนาการแบบไม่มีมูลความจริงเจือปน จะด้วยเหตุใดก็ตาม แต่หากมุ่งหวังจะลดทอนความน่าเชื่อถือ ดิสเครดิตคนอื่น ระวังจะกลายเป็นการย้อนกลับเข้าตัวไปดิสเครดิตตัวเอง บ้านเมืองมีหลักมีการ ใครจะโหนพรรคไหนก็โหนไป ตนติดตามเรื่องรัฐธรรมนูญ ไม่เคยได้ยินเรื่องตัดสส.ระบบบัญชีรายชื่อ เหลือเฉพาะสส.เขต
“การทำงานการเมืองต้องตรงไปตรงมา อย่าใช้วิธีหาคะแนนด้วยการใส่ร้าย ทำลายคะแนน หรือด้อยค่าพรรคการเมืองอื่นด้วยการปล่อยข่าวที่ไม่มีมูลความจริง”นายอนุสรณ์ กล่าว


