posttoday

'สุดารัตน์'เผยผู้ค้าตลาดขอรัฐบาลแจกเงินสดแทนดิจิทัลวอลเล็ต

23 เมษายน 2567

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าไทยสร้างไทย เผยผู้ค้าตลาดบุรีรัมย์ขอรัฐบาลแจกเงินสดแทนดิจิทัลวอลเล็ต จับจ่ายซื้อสินค้าได้จริง เป็นเงินหมุนเวียนช่วยพยุงอาชีพ เชื่อนโยบายเครดิตประชาชนของไทยสร้างไทยช่วยแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่คุยกับผู้ค้าที่อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์พบว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ยอดค้าขายรายวันลดลงกว่าครึ่ง เงินทุนไม่เพียงพอสำหรับใช้หมุนเวียนทำต้องพึ่งพาเงินกู้นอกระบบและผู้ค้าสะท้อนเป็นเสียงเดียวว่า โครงการของรัฐบาล ที่จะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทอยากให้แจกเป็นเงินสด เพราะสามารถจับจ่ายสินค้า จากผู้ค้าในระดับรากหญ้าได้ จะเกิดการหมุนเวียนลงไปถึงคนระดับล่างอย่างแท้จริง จึงขอส่งเสียงไปถึงผู้มีอำนาจ ให้ทบทวน แนวคิดจากการแจกเป็นเงินดิจิทัล เป็นเงินสดแทน 

ที่สำคัญร้านค้าเกือบทั้งหมด ไม่กล้าเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากกังวลเรื่องระบบภาษี หรือหากไม่ขึ้นทะเบียนในระบบภาษี ก็ต้องไปซื้อของต่อที่ร้านใหญ่ ที่อยู่ในระบบภาษี ซึ่งบางร้านไม่สะดวก และอีกไม่น้อยกังวลว่ากลุ่มผู้เปราะบางกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟน จะต้องเจออุปสรรคในการเข้าถึงนโยบาย และเมื่อได้รับความไม่สะดวกจากเงื่อนไขต่างๆก็อาจจะเป็นปัญหาจนผลักกลุ่มคนที่มีสิทธิ์ได้รับเงินหลุดออกจากโครงการอีกมาก

การกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลวางเป้าหมาย ไว้อาจไม่ประสบผลสำเร็จ เป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้จริง เพราะไม่เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ในระดับรากหญ้า แต่คนที่จะได้ประโยชน์สูงสุด อาจเป็นเจ้าสัวเพียงไม่กี่ราย ที่มีร้านค้าปลีก อยู่ในทุกชุมชน 

ผู้ค้าในตลาดยังสะท้อนด้วยว่า การเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อนำเงินมาใช้หมุนเวียนในการค้าขาย เป็นเรื่องยาก จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาล พิจารณาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย ที่ได้คิดค้น กองทุนเครดิตประชาชนขึ้นมา โดยประชาชนทุกคนมีเครดิตตั้งแต่ 10,000 บาทจนถึง 100,000 บาทเพื่อเป็นทุนตั้งตัวไปตลอดชีวิต 

โดยรัฐให้กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำไม่เกินร้อยละ1ต่อเดือน ซึ่งนโยบายนี้จะทำให้คนยากจนเข้าถึงแหล่งทุนและสามารถสร้างอาชีพสร้างรายได้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง เป็นหลักคิดที่ต่างจากนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000บาท ของรัฐบาล ที่ใช้เงินมหาศาลถึง 500,000 ล้านบาท และจะกลายเป็นภาระหนี้สินที่พี่น้องคนไทยต้องช่วยกันชดใช้ในอนาคต.