posttoday

ภูมิใจไทย ดัน ''ไชยชนก'' ขึ้นแท่นเลขาฯ พรรค

24 มีนาคม 2567

ปรับผลัดใบชู เจนใหม่ บ้านใหญ่ นั่ง กก.บห.พรรคฯ ดัน ''ไชยชนก'' ขึ้นแท่นเลขาฯ การันตีมีอำนาจตัดสินใจ ย้ำภูมิใจไทยโตด้วยผลงาน ไม่ใช่กระแส ด้านไชยชนก ไม่ปฏิเสธเป็นทายาทการเมือง ลั่น ขอพิสูจน์ผลงาน

พรรคภูมิใจไทย จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ที่สโมสรราชพฤกษ์ โดยมีคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ผู้แทนของสาขาพรรคฯ ตัวแทนพรรคภูมิใจไทยประจำจังหวัด สส. ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรค และสมาชิกพรรคที่ได้รับเชิญจากคณะกรรมการบริหารพรรคฯ เข้าร่วมประชุม ซึ่งวาระสำคัญในการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯ ที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตเลขาธิการพรรคฯ ได้ยื่นลาออกจากตำแหน่งไปก่อนหน้านี้ หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อ 17 มกราคมที่ผ่านมา

โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ ในที่ประชุม เพื่อให้กรรมการบริหารพรรคฯ ชุดเก่าพ้นจากตำแหน่ง เปิดทางให้มีการเลือกตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคในตำแหน่งอื่น ๆ ใหม่ทั้งหมด รวมจำนวน 16 คน ก่อนที่ที่ประชุมฯ จะมีมติให้นายอนุทิน ยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ เช่นเดิม พร้อมยังมีมติให้นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย สมัยแรก ในวัย 33 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ในฐานะอดีตแกนนำพรรคภูมิใจไทย ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ''เลขาธิการพรรค'' แทนนายศักดิ์สยาม ที่มีศักดิ์ทางครอบครัวเป็น ''อา'' ของนายไชยชนก

นอกจากนั้น ที่ประชุมฯ ยังมีมติแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรคฯ จำนวน 3 คน ได้แก่ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะอดีต สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย รวมถึงยังแต่งตั้งรองเลขาธิการพรรคฯ อีก 3 คน ได้แก่ นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี, นางสาวพิมพฤดา (พิม-พะ-ริ-ดา) ตันตรารักษ์ สส.อยุธยา และนายภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์ สส.พิจิตร

พร้อมแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรค 6 คน ได้แก่ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง, นายวรสิทธิ์ เลียงประสิทธิ์ สส.สตูล, นายชลัฐ รัชกิจประการ สส.บัญชีรายชื่อ, นายธนยศ ทิมสุวรรณ สส.เลย, นายจักรกฤษณ์ ทองศรี สส.บุรีรัมย์ และนายกิตติ กิตติธรกุล สส.กระบี่

ขณะเดียวกัน ยังมีมติให้ นางสาวศุภมาส อิสรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดำรงตำแหน่งเหรัญญิกพรรค และนางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดำรงตำแหน่งนายทะเบียนพรรค

นอกจากนั้น หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังได้แต่งตั้งโฆษกพรรค จำนวน 2 คน ได้แก่ นางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัยสส.อุบลราชธานี และนายณัฏฐ์ชนนท์ ศรีก่อเกื้อ สส.สงขลา รวมถึงแต่งตั้งรองโฆษก จำนวน 1 คน ได้แก่ นางสาวผกามาศ เจริญพันธ์ สส.สุรินทร์ 

นายอนุทิน ยังได้กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในปีที่ 16 ของพรรคภูมิใจไทย ได้รับความไว้วางจากประชาชนต่อเนื่อง มีบทบาททางการเมือง ทั้งการบริหาร และนิติบัญญัติ ซึ่งในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา และการเลือกตั้งทุกครั้ง พรรคฯ จะมี สส.เข้ามาทำหน้าที่เพิ่มขึ้น และค่อย ๆ เติบโตจากการทำงานหนัก และได้รับความไว้วางใจของประชาชน ซึ่งการเติบโต ก็เป็นการเติบโตด้วยผลงาน ไม่ใช่โตตามกระแส จนปัจจุบันพรรคฯ มี สส.ทั้งสิ้น 71 คน จากทั่วทุกภาคของประเทศ และจะพยายามอย่างเต็มที่ ให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุด และได้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการทำงานของพรรค เพื่อให้ประเทศเจริญก้าวหน้าทุก ๆ ด้าน

พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมือง ที่ธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตริย์ทรงเป็นประมุข เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นนโยบายหลัก

ภารกิจของหลักของสมาชิกพรรคฯ ทุกคน และพรรคภูมิใจไทย ยังเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในคำพูด แม้จะเป็นนโยบายที่ยาก แต่พรรคฯ ก็จะทำให้ได้ รวมถึงเป็นพรรคการเมืองของประชาชน ที่พร้อมปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของประชาชน และยุคสมัยด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ

นายอนุทิน ยังชี้แจงด้วยว่า การประชุมใหญ่พรรคฯ ในวันนี้ (24 มี.ค.) ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของพรรคภูมิใจไทย ที่เห็นตรงกันว่า ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหาร และแนวทางการดำเนินงานพรรค เพื่อแก้ปัญหาประชาชนที่มีปัจจัยซับซ้อน ผ่านกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่มีประสบการณ์ และมีแบ็คดี ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนลุคพรรคภูมิใจไทย แต่นโยบาย จิตวิญญาณ และค่านิยม ในการทำงานรับใช้ประชาชนของพรรคภูมิใจไทย ยังไม่เปลี่ยนแปลง และจะเพิ่มเข้มข้นมากขึ้น

ขอให้ประชาชน เชื่อมั่นในพลังคนรุ่นใหม่ของพรรคภูมิใจไทย ที่แม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่มีคุณสมบัติพร้อมรับใช้ประชาชน ทั้งการศึกษา ความทุ่มเท ความเสียสละ ความตั้งใจ และประสบการณ์ที่ผ่านมาทำงานมาแล้ว ใกล้ชิดประชาชน ใกล้ชิดพื้นที่ รู้วิธีทางการเมือง และกลยุทธ์การเมือง เพรียบพร้อมด้วยประสบการณ์ และพร้อมสร้างระบบการเมืองของประเทศให้เข้มแข็ง ยั่งยืน ตามแนวโน้มการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโลก จึงถือเป็น "เจนใหม่ บ้านใหญ่" และพร้อมพัฒนาประเทศ พร้อมรับใช้ประชาชน ด้วยความทุ่มเท เสียสละ และยั่งยืน

ส่วนโอกาสของพรรคภูมิใจไทยในการเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในอนาคตนั้น นายอนุทิน ระบุว่า พรรคเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และสมาชิกพรรคทุกคน มีสายเลือด และเป็นนักการเมืองโดยจิตวิญญาณ มีความสุขที่ได้อยู่ในพื้นที่พบปะประชน และมั่นใจในนโยบายของพรรค ซึ่งการทำงานของพรรคฯ ก็ยังเป็นตัวของตัวเอง เป็นมืออาชีพร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อผลักดันประโยชน์สูงสุดของประชาชน และให้ประชาชน เกิดความมั่นใจได้ว่า พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ ตามนโยบาย สามารถจับต้องได้ เกิดประโยชน์ ไม่เป็นสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ และพรรคฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วผ่านการเลือกตั้งของพรรคฯ

ภูมิใจไทย ดัน \'\'ไชยชนก\'\' ขึ้นแท่นเลขาฯ พรรค

นายอนุทิน ยังยอมรับด้วยว่า ในการปรับคณะรัฐมนตรี กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ มีโอกาสเป็นรัฐมนตรี เพราะพรรคภูมิใจไทย ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อถึงเวลา จึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล
ส่วนผู้อาวุโสในพรรคน้อยใจหรือไม่ ที่มีคนรุ่นใหม่มาเป็นกรรมการบริหารพรรคนั้น นายอนุทิน ระบุว่า กรรมการบริหารพรรคฯ ชุดใหม่ ถือเป็นผลผลิตของอาวุโสในพรรค ซึ่งเป็น ''เจนใหม่ บ้านใหญ่'' เพราะผู้อาวุโส มีทั้งประสบการณ์ และบารมี แต่การบริหารงานแบบใหม่ให้ประสิทธิภาพ จะต้องเปลี่ยนแปลงในขณะที่พรรคฯ ยังแข็งแรง ไม่รอให้หมดอายุ เหมือนที่ตนได้เตือน สส.ในพรรคฯ ทุกคนว่า อย่าไปหาประชาชน เมื่อใกล้การเลือกตั้ง 

ดังนั้น พรรคฯ จึงต้องเร่งเปลี่ยนแปลง ในขณะที่พรรคกำลังแข็งแรง มีบทบาทในการบริหารราชการแผ่นดิน และบริหารประเทศ พร้อมยืนยันว่า กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ผ่านบทบาททางการเมืองมาแล้ว ไม่ใช่เด็กฝึกงาน และหลายคนได้รับการเลือกตั้ง สส. จึงถือว่า ผ่านบทพิสูจน์ที่ยาก จึงสามารถทำงานได้ทันที และยอมรับว่า สักวันหนึ่งตนเอง ก็จะต้องอยู่ร่วมกับกรรมการบริหารพรรคชุดเก่า เพื่อให้คำแนะนำ และให้กำลังใจแก่คนรุ่นใหม่ พร้อมมั่นใจว่า การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ จะราบรื่น เพราะยังมีตนเองเป็นหัวหน้าพรรคฯ ที่ปรับตัวให้เข้ากับเทรน และความเชื่อของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ด้วย 

ขณะที่ นายไชยชนก ได้กล่าวถึงแผนการปรับปรุงการทำงานของพรรคภูมิใจไทย ผ่านตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯ ที่เปรียบเสมือนเป็นแม่บ้านพรรคฯ ว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้มีตำแหน่งแม่บ้านพรรคเพียงคนเดียว แต่ยังมีบุคลากรคนอื่น ๆ ในพรรคฯ ที่พร้อมช่วยงานพรรคฯ จึงมั่นใจว่า การทำงานจะไม่หนักเกินความสามารถ

ส่วนกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ตำแหน่งเลขาธิการพรรค ล็อกไว้สำหรับคนตระกูลชิดชอบ และตนเองยังน้อยประสบการณ์นั้น นายไชยชนก ยอมรับว่า ไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่การที่ตนเป็นของนายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภา และบุตรชายของนายเนวินนั้น ก็ทำให้ตนได้รับประสบการณ์ทางการเมืองจากนายเนวิน และพัฒนาได้เร็วในการเตรียมตัวเองให้เหมาะสมกับตำแหน่ง 

ในความเป็นทายาททางการเมืองนั้น ก็ถือว่า มีมุมบวกมาก และพร้อมพิสูจน์ตัวเอง พร้อมให้ประชาชน และสมาชิกพรรคตัดสิน พร้อมยืนยันว่า ทุกการเปลี่ยนแปลง และทุกการตัดสินใจที่เกิดขึ้น ได้ผ่านการปรึกษาหารือ ทั้ง สส. อดีต สส. กรรมการบริหารพรรค และอดีตกรรมการบริหารพรรคแล้ว เพราะพรรคฯ ทำงานเป็นทีม ไม่มีใครเป็นน้ำเต็มแก้ว ซึ่งตนเอง ก็เห็นคุณค่าในประสบการณ์ทางการเมืองของบุคลากรรุ่นเก่า และยังระบุด้วยว่า การเป็นเจนใหม่ หรือเจนเก่า ไม่ได้หมายถึงอายุ แต่เป็นกระบวนการวิธีคิด ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้ทันการเปลี่ยนแปลง จึงถือเป็นเจนใหม่ของพรรคภูมิใจไทย

ส่วนตนเองจะมีอำนาจการตัดสินใจเต็มที่หรือไม่นั้น นายไชยชนก ได้เสียอากัปกริยา และหัวเราะ ก่อนที่นายอนุทิน จะกล่าวเสริม เพื่อการันตรว่า นายไชยชนก มีอำนาจในการตัดสินใจได้