สภาฯถกเดือด งบกลาง ขู่ร้องป.ป.ช.สอบ มนพร แจงแทน นายกฯ ย้ำรัฐบาลตั้งงบโปร่งใส
ศิริกัญญา จวกรัฐบาล ไม่ศึกษาบทเรียน ทำงบกลางให้ดีขึ้น เรืองไกร อัด ในชั้นกรรมาธิการฯ อ้างมีคนมาบอก เศรษฐา ขอ 1 พันล้านเข้างบกลาง ขู่ ไม่ตัดออก ร้องป.ป.ช.สอบแน่ มนพร แจงแทน เศรษฐา ตั้งงบเป็นไปตามสมมติฐาน โปร่งใส ตรวจสอบได้ สุดท้าย เสียงส่วนใหญ่โหวต ไม่ปรับลดงบกลาง
KEY
POINTS
- ในการประชุมสภาฯ ระหว่างพิจารณา งบกลางของรัฐบาล มีกรรมาธิการฯ ร่วมอภิปรายอย่างกว้างขวาง
- ศิริกัญญา ตันสกุล สส.ก้าวไกล ระบุ รัฐบาลไม่ได้ศึกษาบทเรียนในอดีต ตั้งงบกลางให้ดีขึ้น เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ หนึ่งในกรรมาธิการวิสามัญฯ ระบุ หากไม่มีการปรับลดงบกลาง จะยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ
- มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ย้ำ รัฐบาลตั้งงบประมาณกลาง ได้คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดไว้ดีแล้ว และเป็นการตั้งงบอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้
ที่อาคารรัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2567 วาระ 2 และ 3 ระหว่างวันที่ 20-22มี.ค. ขณะที่มีการพิจารณามาตรา 6 งบประมาณรายจ่ายงบกลาง มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายขอปรับลดงบกลางว่า อยากให้รัฐบาลจัดสรรงบตามวัตถุประสงค์ในการมีงบกลาง ปีนี้รัฐบาลไม่ได้จัดสรรเบี้ยหวัดบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลของบุคลากรภาครัฐไว้อย่างเพียงพอ เป็นการพลาดแล้ว พลาดอยู่ พลาดต่อ โดยปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วที่ตั้งงบไว้ขาดเป็นจำนวนมาก เบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ ตั้งขาดไป 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลบุคลากรภาครัฐตั้งขาดไป 2 หมื่นล้านบาท เรื่องนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นความจริงในการตั้งงบประมาณขาด แต่จะขาดเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับการประมาณการ สุดท้ายต้องใช้งบกลางเงินสำรองรายจ่ายฉุกเฉิน ตนคิดว่ารัฐบาลไม่ได้ถอดบทเรียนจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ในการจัดทำงบกลางให้ดีขึ้น
“เท่ากับว่าเราไม่ต้องใช้เงินสำรองรายจ่ายฉุกเฉินเพื่อไปทำมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการในการช่วยเหลือประชาชน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนแต่อย่างใดแล้วใช่หรือไม่ วัตถุประสงค์ของงบกลางไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงแค่ไว้ใช้อุดช่องโหว่ในการทำนโยบายของรัฐบาล งบประมาณฉุกเฉินควรจะต้องใช้เมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินและจำเป็นจริงๆ ไม่ใช่ว่ารัฐบาลตั้งใจตั้งงบขาด แล้วจะมาใช้เงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็น จึงเสนอให้ตัดลดงบกลางเงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็นลง 3 หมื่นล้านบาท” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการสงวนความเห็น อภิปรายขอปรับลดงบกลาง 1.4 พันล้านบาท โดยระบุว่า ในกรรมาธิการที่มีการหารือกันอยู่นั้น มีรองประธานกรรมาธิการบอกว่าของบให้รัฐสภาไทย คิดว่าไม่ถูกต้อง เพราะจะมีส่วนได้เสีย
“ในการพิจารณาปรับเพิ่ม 1 พันล้านบาท วันนั้นมีการพูดคุยกันกลางห้องประชุม จับกลุ่มพูดคุยว่าจะเอาตรงไหนไปไหนมีการบอกว่าจะเอาไปประกันสังคม 500 ล้านบาท ตัว 1 พันล้านบาทบอกว่าท่านนายกฯ ขอมา ฟังแล้ว ก็ตกใจ ถ้าบอกขอมาอย่างนี้ต้องขอเสนอตัดออก เพราะให้ผ่านไปไม่ได้ ถ้าให้ผ่านไปในมาตรา 144 ต้องถูกร้องแน่ การที่มาพูดแล้วในห้องกรรมาธิการ แม้ว่าจะไม่ได้ออกเสียง แต่มีคณะกรรมาธิการที่เป็นคณะรัฐมนตรีนั่งอยู่ด้วย ศาลรัฐธรรมนูญบัญญัติคำวินิจฉัยไว้ว่า ถ้ามีส่วนได้เสียในเรื่องนั้นก็ต้องไม่อยู่ในห้อง เช่นเดียวกันกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ท่านก็ทำเป็นตัวอย่าง ผมยังติดใจเรื่องนี้และเสนอให้ท่านตัด 1 พันล้านบาทออกไป เพราะอย่างไรงบกลางก็ยังมี 9 หมื่นกว่าล้าน อย่าไปเสี่ยงกับเงินเล็กน้อย และมีปัญหาทางข้อกฎหมาย เพราะอย่างไรเสียผมเป็นกรรมาธิการ แม้เสียงข้างน้อย ก็ใช้สิทธิ์ที่จะต้องยื่น ป.ป.ช.แน่นอน ถ้าตัวเลขนี้ไม่ตัดออก” นายเรืองไกร กล่าว
ขณะที่นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่า งบกลางในหมวดสำรองจ่ายในปี 2567 ที่กำลังพิจารณากันมีการเบิกจ่ายต่ำ เนื่องจากในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณในส่วนของงบกลางที่เป็นเงินสำรองจ่ายนั้น สำนักงบประมาณได้พิจารณาถึงความพร้อม ความสามารถตามระเบียบความจำเป็น แผนงาน แผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณควรจะต้องพิจารณา ส่วนใหญ่งบกลางจะจัดสรรในช่วงกลางปีงบประมาณ แต่ในเรื่องของการเบิกจ่ายมีความล่าช้าส่วนใหญ่ เนื่องจากเรื่องของภัยพิบัติ ที่กำลังจะเกิดในช่วงฤดูฝนหรือช่วงใกล้สิ้นปีงบประมาณ ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้มีความคาดหมายไว้ล่วงหน้า การของบประมาณจึงเกิดขึ้นในช่วงนี้
นางมนพร ชี้แจงอีกว่า ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการของข้าราชการนั้น เป็นการตั้งงบประมาณในรอบ 1 ปีงบประมาณเท่านั้น การเบิกจ่ายเป็นเรื่องที่เราไม่ได้คาดการณ์มาก่อน คิดว่าประชาชนคนไทยคงไม่อยากเจ็บป่วย ทำให้การตั้งงบประมาณเป็นไปตามสมมติฐานที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นอย่างเพียงพอ งบประมาณทุกบาททุกสตางค์ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง บริหารงบประมาณอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ขอยืนยันว่าดิฉันเห็นด้วยกับกรรมาธิการในมาตรานี้
ภายหลังการอภิปรายของสมาชิก ที่ประชุมได้ลงมติให้ความเห็นชอบ 279 เสียง ยึดตามการแก้ไขของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากที่ไม่ปรับลดงบกลาง มีเสียงไม่เห็นด้วย 160 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง


