จรัญ เชื่อมติศาลรธน.ไม่เอกฉันท์ คดีพิธาถือหุ้นไอทีวี
จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อพิธาถือหุ้นiTV มติองค์คณะไม่เอกฉันท์ มีความเป็นไปได้ทั้งรอดหรือไม่รอดขึ้นอยู่กับการพิจารณาโดยตีความยึดหลักตามตัวอักษรหรือเจตนารมย์กฎหมาย
นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มองแนวทางการวินิจฉัยคดีคุณสมบัติความเป็นสส.ของนายพิธา ลิมเจริญรัตน์ สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องว่านายพิธา ถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการมรดก จำนวน 42,000 หุ้น ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย วันนี้ (24ม.ค.67) ว่า คดีนี้ศาลจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงใน3ประเด็น ประกอบด้วย 1.ไอทีวี ยังเป็นสื่อ อยู่ หรือไม่ 2. ไอทีวี เลิกกิจการแล้วหรือไม่ และ3.นายพิธา ได้ประโยชน์จากการถือหุ้นไอทีวี หรือไม่ ถือให้ฐานะผู้จัดการมรดกเท่านั้น หรือถือใน2สถานะ ทั้งความเป็นผู้จัดการมรดกและในฐานะทายาทที่ได้มรดก
เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณาในข้อเท็จจริงแล้วจะไปสู่ในประเด็นข้อกฎหมาย ซึ่งมองได้เป็น 2 ทางขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะพิจรณาอย่างไร จะตีความว่าตามตัวอักษรหรือตีความตามเจตนารมณ์ เรื่องนี้มีความก้ำกึ่งในทางกฎหมาย เชื่อว่า ที่สุดแล้วศาลจะไม่มีมติเอกฉันท์ไปทางใดทางหนึ่ง
"ในการตีความกฎหมายตามตัวอักษรการห้ามผู้สมัคร สส. ถือหุ้นสื่อไม่ได้จำกัดจำนวนเอาไว้ อาจมองว่าผิดแล้ว แต่ถ้าตีความตามเจตนารมณ์ก็ต้องดูที่จำนวนหุ้นว่า ได้สร้างความได้เปรียบในการเลือกตั้ง หรือไม่ ซึ่งเจตนารมณ์ในการห้ามไม่ให้ผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อไปสมัครสส.ก็เพื่อไม่ให้เอาเปรียบผู้สมัครคนอื่น ถ้ามองกฎหมายแบบนี้ จำนวนหุ้นจึงมีนัยยะสำคัญ มีจำนวนแค่ไหนถึงจะมีอิทธิพลครอบงบกิจการสื่อ”นายจรัญ กล่าว


