posttoday

มติครม.เศรษฐา ยกเลิกมติปี35 เอกชนรายเดียวผูกขาด บริหารจัดการน้ำตะวันออก

20 ธันวาคม 2566

มติครม.รัฐบาลเศรษฐา เห็นชอบตาม กระทรวงเกษตรฯ เสนอยกเลิก มติปี35 ให้ อีสท์ วอเตอร์ บริหารจัดการ ท่อส่งน้ำรายเดียวภาคตะวันออก ให้มี เอกชนรับผิดชอบเพิ่ม เปิดทาง วงษ์สยาม ทำสัญญา กรมธนารักษ์ได้ จับตา สัญญาอีสวอเตอร์ สิ้นสุด31 ธ.ค.66 เปิดทาง บริษัทชนะประมูล เข้ามามีส่วนร่วม

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2535 เรื่องแนวทางการจัดระบบบริหารการพัฒนาแหล่งน้ำ

กระทรวงเกษตรฯเสนอ ครม.ว่ามติ ครม.เดิมเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2535 นั้น ได้กำหนดว่าระบบท่อส่งน้ำในพื้นที่เขตพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งภาคตะวันออก ควรจะมีผู้รับผิดชอบรายเดียวในการพัฒนาระบบให้เป็นท่อส่งน้ำสายหลัก (Trunk Transmission Main) และ การดำเนินการบริหาร/จัดการ (Operate) เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นผู้ค้าส่ง (Wholeseller) ในการซื้อน้ำจากอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานและขายน้ำดิบให้กับระบบจำหน่ายต่างๆ โดยขอให้มีผู้รับผิดชอบเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกจากกรมธนารักษ์เพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก

โดยผลจากมติ ครม.ที่เห็นชอบในครั้งนี้ ทำให้การบริหารจัดการท่อส่งน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก เดิมอยู่ในความดูแลของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ จะหมดอายุสัญญาในวันที่ 31 ธ.ค.2566 มาอยู่ในการบริหารของบริษัทที่ชนะการประมูลคือ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด โดยปริมาณน้ำที่บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด จะได้รับการจัดสรรตามเงื่อนไขสัญญา ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำต้นทุนจากอ่างเก็บน้ำในแต่ละปีและเงื่อนไขที่กรมชลประทานกำหนดเพื่อประโยชน์ สูงสุดของทางราชการ

กรณีที่ต้องมีการสูบผันน้ำจากแหล่งน้ำดิบอื่นมาเพิ่มเติม เพื่อส่งให้กับภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว ทั้งนี้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า กระทรวงเกษตรฯได้เสนอต่อ ครม.ว่า ความเร่งด่วนของเรื่องนี้เนื่องจาก สัญญาเช่า/บริหารทรัพย์สินเพื่อดำเนินการพัฒนาและบริหารระบบท่อส่งน้ำดิบสายหลักในพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกระหว่างกรมธนารักษ์ กับ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำ ภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) จะครบกำหนดสัญญาในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และกรมธนารักษ์ได้ลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก กับบริษัท วงษ์สยาม ก่อสร้าง จำกัด แล้ว

เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ จึงมีความจำเป็นต้องขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2535 เรื่อง แนวทางการจัดระบบบริหารการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อให้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้างจำกัด ซึ่งเป็นเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกจากกรมธนารักษ์เพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก เป็นผู้มีสิทธิประกอบธุรกิจเชิงพาณิชย์ในการซื้อน้ำจากแหล่งน้ำดิบของราชการมาขายให้กับผู้ต้องการใช้น้ำเพิ่มเติมอีกรายหนึ่งได้ โดยไม่ขัดกับมติ ครม.เดิม และทำให้กรมธนารักษ์สามารถลงนามกับบริษัทวงษ์สยามได้โดยไม่ขัดข้อกฎหมาย

“การดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานอย่างเต็มประสิทธิภาพเสริมสร้างความมั่นคงด้านการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก และบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้น้ำตลอดจนสามารถให้บริการผู้ต้องการใช้น้ำในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกอย่างเพียงพอไม่เกิดการสะดุด โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการอุปโภค บริโภคของประชาชน รวมถึงหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง” แหล่งข่าวกล่าว