posttoday

พิธา เป็นห่วง หน้าตาครม. วางคนเหมาะกับงานหรือไม่

25 สิงหาคม 2566

พิธา โทรยินดี เศรษฐา นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ห่วงวิกฤตศรัทธาประชาชน ฝากรวมความคิดคนในชาติ ให้กลับมาเป็นปึกแผ่น ขอให้เป็นนายกฯของประชาชนจริงๆ กังวล จัดตั้งครม. วางบุคลากร เหมาะสมกับการแก้ปัญหาหรือไม่ อยากเห็น กลาโหม ปรับกองทัพให้ทันสมัย

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ขณะลงพื้นที่ช่วย นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัครสส.เขต3 ระยอง พรรคก้าวไกล หาเสียงเลือกตั้งซ่อมว่า พรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก มีหลายนโยบายที่ทำงานได้โดยการผลักดันกฎหมายเข้าสภา และยังมีกฎหมายสำคัญสำหรับชาวระยอง เช่น กฎหมายสิ่งแวดล้อม PRTR และกฎหมายแรงงาน ซึ่งจะเป็นการทำงานเชิงรุกเพื่อให้ผลประโยชน์ตกกับประชาชนได้เหมือนเดิม แม้ไม่100% แต่หวังว่าจะเป็นการปูทางเมื่อการเลือกตั้งครั้งหน้ามาถึงจะสามารถซื้อใจประชาชนได้มากกว่าเดิมถ้าตั้งรัฐบาลได้ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้

เมื่อถามว่ามีนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลใหม่แล้ว อยากจะฝากความหวังอย่างไรบ้าง นายพิธากล่าวว่า ได้โทรไปยินดี และยืนยันกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ยืนยันว่า วิกฤตของบ้านเมืองไม่ใช่แค่วิกฤตเกี่ยวกับเศรษฐกิจและวิกฤตเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และการศึกษา แต่เป็นวิกฤตศรัทธาของประชาชนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการได้ฟังเสียงของประชาชนจากการลงพื้นที่ เป็นสิ่งที่ผู้นำคนต่อไปต้องแก้ไข โดยรวมความคิดของคนในชาติให้กลับมาอยู่เป็นปึกแผ่นเดียวกัน

ได้ยินนายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ว่า จะเป็นนายกของประชาชน ก็อวยพรว่าให้ท่านทำได้อย่างนั้นจริงๆ ตราบใดที่นายเศรษฐา ยังคำนึงอยู่ว่าอำนาจอธิปไตยสูงสุดเป็นของประชาชน แล้วทำหน้าที่โดยไม่ได้ใช้อำนาจอย่างเด็ดขาด แต่ฟังเสียงของประชาชน เป็นตัวแทนของประชาชนได้เยอะๆก็เชื่อว่านายเศรษฐาจะทำได้

ถามว่าดูหน้าตาของรัฐมนตรีตามโผ ครม.แต่ละกระทรวงที่ออกมาตอนนี้แล้ว มีความเป็นห่วงกระทรวงไหนเป็นพิเศษหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า เป็นห่วงทุกกระทรวง เพราะแต่ละกระทรวงมีปัญหาหลายเรื่อง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีปัญหาเรื่องน้ำมันรั่วที่ จังหวัดระยองทั้งในปี 2556 และปี 2565 จึงเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ และเรื่องเศรษฐกิจก็ต้องทำงานแบบมหภาค กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวัฒนธรรม ต้องทำงานร่วมกัน ก็เป็นห่วงว่าบุคลากรจะเหมาะสมหรือไม่ เพราะพอต่างพรรคกันการแก้ปัญหาไม่ใช่แค่ทีละกระทรวง แต่จะทำงานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่กังวล

ถามอีกว่า มีกระแสข่าวว่ากระทรวงกลาโหมโควตา จะเป็นคนนอก ไม่ได้มาจากพรรคการเมืองนั้น นายพิธากล่าวว่า การตั้งรัฐมนตรีจะคนในหรือคนนอกไม่ได้สำคัญ แต่สำคัญที่ว่าสามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้หรือไม่ และถ้ามีความคิดที่ตรงข้ามกันกับนิยามของความมั่นคงหรือจะทำอย่างไรให้ประเทศชาติมีความมั่นคง

กองทัพจะต้องมีความทันสมัยมากขึ้น เรื่องนี้จึงต้องมีบุคลากรที่เข้าใจ เรื่องนิยามทางความมั่นคงที่ท้าทายในศตวรรษที่ 21จริงๆถึงจะทำได้ และทำอย่างไรให้ตรงกับศรัทธาของประชาชนที่เคยให้ไว้ และความท้าทายจากทั่วทุกสารทิศ ดังนั้นจะคนในคนนอกก็คงไม่สำคัญ