posttoday

'เศรษฐา ทวีสิน'รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่30

23 สิงหาคม 2566

สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่30 อย่างเป็นทางการ

ประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

ที่พรรคเพื่อไทย นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร ได้อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีนายเศรฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บรรดาสส.เพื่อไทยและสส.พรรคร่วมรัฐบาลเข้าร่วมในพิธี 

 

พรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร

สำหรับนายเศรษฐา ได้รับการลงมติเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 22ส.ค.2566 ด้วยผลการลงมติ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียงจาก 705 เสียง ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 

ก่อนนี้ นายเศรษฐา แถลงภายหลังทราบผลการลงมติของรัฐสภา เมื่อวันที่ 22สิงหาคม 2566 จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พร้อมประกาศยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน  

นายกรัฐมนตรีแถลงหลังรับพิธีรับพระบรมราชโองการ

หลังจากนายเศรษฐา รับสนองพระบรมราชโองการเสร็จสิ้น นายเศรษฐา กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้กระผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  นับเป็นศุภสิริมงคล แก่ชีวิตและขวัญกำลังใจอันสูงสุด แก่กระผมและครอบครัว อย่างหาที่สุดมิได้ กระผมมีความปลื้มปิติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นล้นพ้น และขอเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ทั้งจักมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และความ วัฒนาสถาพร ของประเทศชาติ สนองพระราชปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการ และตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทุกประการ

ในวาระที่ผมได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในวันนี้ ผมขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาที่ทำหน้าที่ที่ผ่านมา ขอบคุณพี่น้อง

ประชาชนชาวไทย ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานทุกภาคส่วน ขอขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาลที่สนับสนุน ตลอดจนภาคประชาสังคม เอกชน สำหรับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้ผมได้มีโอกาสในการบริหารราชการแผ่นดิน

พี่น้องประชาชนคนไทยที่เคารพ ผมขอยืนยันว่าผมจะทุ่มเททำงานตามมาตรฐานจริยธรรมด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ผมมั่นใจว่า 4 ปีต่อจากนี้ จะเป็น 4 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง 

ประเทศไทยวันนี้อยู่ท่ามกลางจุดเปลี่ยนสำคัญ เรามีวิกฤตและปัญหาที่ต้องการทางออกอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ รายได้ รายจ่าย ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ความมั่นคง สังคม การต่างประเทศ สิ่งแวดล้อม กฎหมาย และ กระบวนการยุติธรรม การทุจริตประพฤติมิชอบ และอื่น ๆ อีกมากมายที่ล้วนก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียม ความยากลำบาก