posttoday

ภูมิธรรม มองเรื่องธรรมดา ตรวจสอบ เศรษฐา ปัดต่อรอง รัฐมนตรี ทำตั้งรัฐบาลช้า

04 สิงหาคม 2566

ภูมิธรรม เผย เลื่อนโหวตนายกฯ ตั้งรัฐบาลล่าช้า ทำตลาดหุ้นแดง ปัด ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ลุยตั้งรัฐบาล แม้ไม่มี พรรคก้าวไกล เดินหน้า ขอเสียงโหวต หากเห็น เพื่อไทย มีความสามาารถฝ่าวิกฤต ย้ำยังไม่ถึงเวลาร่วมรัฐบาลพรรค2ลุง มองเป็นเรื่องธรรมดา มีการตรวจสอบคุณสมบัติ เศรษฐา

ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาล มีการต่อรองเก้าอี้คณะรัฐมนตรีเพื่อเข้าร่วมรัฐบาลว่า เป็นข่าวลือ ข่าวทิพย์ ที่ผ่านมายังไม่ได้พูดคุยเรื่องตำแหน่ง เพียงแต่พูดคุยว่าในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่จะเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีมีความเห็นกันอย่างไร ถ้ายอมรับนายเศรษฐาและให้เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ขอเสียงโหวตนายเศรษฐาเป็นนายกฯ ขณะนี้เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ หากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะส่งผลกระทบให้ประเทศวิกฤตมากขึ้น พอมีข่าวว่าเลื่อนโหวตนายก ตลาดหุ้นก็แดงทั้งกระดาน ลดไป 21 จุด สะท้อนให้เห็นว่าคนต้องการความมั่นใจและความหวัง อยากมีรัฐบาลโดยเร็ว 

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ช่วงเช้าวันที่ 4 ส.ค. ยังได้ต่อสายพูดคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้มีปัญหาอะไร การพูดคุยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี จะเป็นเรื่องหลังสุดที่พูดคุยกัน หลังตอบรับร่วมรัฐบาลเพราะจะได้เห็นตัวเลขสส. แต่ละพรรคที่จะจัดสรรตำแหน่ง หากสามารถรวมกันได้ 280 เสียง อาจเป็นคณะรัฐมนตรีหน้าตาแบบหนึ่ง ถ้าได้ 300 กว่าเสียง ก็จะเป็นแบบหนึ่งได้ 10 พรรคก็แบบหนึ่ง สิ่งสำคัญคือนโยบายของพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำ และปรับให้สอดรับกับนโยบายของพรรคการเมืองอื่น หากบางนโยบายไม่สามารถปรับเข้ากันได้ จะทำให้ทำงานร่วมกันยากขึ้น หากได้ตัวนายกรัฐมนตรีแล้ว เรื่องตำแหน่งคณะรัฐมนตรีจะมีความชัดเจน

นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีที่มีการวิเคราะห์ ตอนนี้พรรคเพื่อไทยถูกบี้จากพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เรื่องการต่อรองเก้าอี้คณะรัฐมนตรี และสว. มองเรื่องคุณสมบัตินายเศรษฐาว่า ได้ยินจากหลายนักวิเคราะห์ และส่วนตัวก็มองว่าดี เพราะทำให้เห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ง่าย ถึงที่สุดแล้ว ในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่จะต้องบริหารประเทศ ต้องมีความหนักแน่น มีวุฒิภาวะ มีความเป็นผู้นำ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถพาประเทศ และความแตกต่างของพรรคการเมืองฝ่าวิกฤตไปได้ สุดท้ายการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับความเป็นจริงของการเมืองไทย ของปัญหาและความต้องการของคนไทย การจะร่วมมือกันของพรรคการเมือง อยู่ที่การพูดคุยกัน

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ได้มองในบริบทความยากที่ว่าการได้เสียงมาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ต้องใช้เสียงสว.กว่า 100 เสียง หลังจากไม่มีพรรคก้าวไกล แต่มองว่ายึดปัญหาของประชาชนเป็นหลัก ขอเสียงสนับสนุน หากเชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทยสามารถแก้ปัญหาประเทศและฝ่าวิกฤตได้ จะทำการเมืองมิติใหม่ เอาความต้องการของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ความต้องการของพรรคการเมืองเป็นตัวตั้ง การจัดตั้งรัฐบาลไม่ใช่เอาปัญหาการเมืองเป็นตัวตั้ง ถ้าประเทศรอด ทุกคนก็จะรอด สถานการณ์ในขณะนี้ไม่ใช่มาร่วมกันอย่างไร แต่จะยินดีให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ยินดีให้แคนดิเดตฯของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากเห็นชอบก็โหวตสนับสนุนแช้วมาเป็นรัฐบาลด้วยกันก็ได้ หรือไม่เห็นชอบก็ไม่โหวต แล้วไปเป็นฝ่ายค้านก็ได้ 

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลาว่าจะร่วมรัฐบาลกับพรรค 2 ลุงคือ พรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ ยังมั่นใจในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ หากไม่มั่นใจจะดำเนินการมาถึงขั้นนี้หรือ เชื่อว่าความตั้งใจ ประสบการณ์ ความสามารถของบุคคลากรพรรคเพื่อไทย และผลงานที่ผ่านมาเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศที่กำลังวิกฤต และความขัดแย้งที่สั่งสมมาในขณะนี้ 

ถามว่า มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ต้องส่งไม้ต่อให้พรรคอันดับสามจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ให้สื่อทำให้ความอึมครึมนั้น สว่างไสวมากขึ้น มันจะดีมาก 

นายภูมิธรรม กล่าวว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน ไม่ได้หายไปไหน ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องพาดพิงเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายเศรษฐา ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงไปแล้ว และเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นนายกฯจะต้องถูกตรวจสอบ มองเป็นเรื่องดี อีกทั้งไม่ได้มีเรื่องอะไรต้องปิดบัง อำพราง พรรคเพื่อไทย มีการตรวจสอบคุณสมบัติของแคนดิเดตก่อนเสนอชื่ออยู่แล้ว เมื่อมีการตรวจสอบก็สามารถทำให้สาธารณชนสบายใจ และเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น