posttoday

'เพื่อไทย' ชี้ 'ก้าวไกล'แก้เกมโหวตนายก ปิดสวิตช์ส.ว.ทำยาก

14 กรกฎาคม 2566

ประเสริฐ เลขาพรรคเพื่อไทย มองก้าวไกลเสนอร่างแก้ไขรธน.มาตรา272 ปิด สวิตช์ ส.ว.เปิดทางโหวตนายกฯ เป็นเรื่องที่ทำได้ยากขึ้นโยนประธานรัฐสภาวินิจฉัยการประชุมนัดต่อไปเสนอชื่อพิธาได้อีกหรือไม่

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการหารือกับพรรคก้าวไกลในวันนี้ (14 ก.ค.) ว่า พรรคก้าวไกล นัดหมายพรรคเพื่อไทย ในเวลา 17.00 น. เพื่อเตรียมการเลือกนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า 19 กรกฎาคมนี้ โดยไม่ขอเปิดเผยสถานที่ เพื่อให้เป็นการพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคเพื่อไทย ก็จะมีหรือกันภายในก่อน ก่อนนำข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย ไปหารือกับก้าวไกลอีกครั้ง ทั้งการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ว่าจะยังคงเป็นชื่อของนายพิธาหรือไม่ หรือจะมีแผนการดำเนินการอื่น เพื่อเป็นทางรอดให้กับ 8 พรรคร่วมฯ 

ส่วนพรรคเพื่อไทยจะออกแรงเพิ่มเติม หรือแนะนำพรรคก้าวไกล เพื่อให้ได้เสียงจากวุฒิสภาเพิ่มหรือไม่อย่างไรนั้น นายประเสริฐ มั่นใจว่า พรรคก้าวไกล ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว และขอพูดคุยกับพรรคก้าวไกลก่อนว่า จะมีแนวทางต่อไปอย่างไร พร้อมมอว่า หากการลงมติในการเลือกนายdรัฐมนตรีครั้งที่ 2 เป็นไปเหมือนการลงมติครั้งแรก เมื่อ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยไม่มีข้อมูลใหม่ ก็มั่นใจว่า การลงมติในวันที่ 19 นี้ จะใกล้เคียงกับการลงมติเมื่อ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา และมั่นใจว่า ส.ว. 13  คน ที่ลงมติให้กับนายพิธา จะยังคงสนับสนุนนายพิธาต่อไป เพราะ ส.ว.ทั้ง 13 คนน่าจะมีเจตนา ตั้งใจ มองการเมืองอีกมุมหนึ่งตั้งแต่ต้นแล้ว 

นายประเสริฐ ยังปฏิเสธที่จะกล่าวถึงกรณีที่ ส.ว.ส่วนหนึ่งกังวลต่อการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล เนื่องจาก ไม่สามารถพูดแทนพรรคก้าวไกลได้ และพรรคก้าวไกลเอง ก็ยังไม่ได้มีการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลพิจารณาเอง และเชื่อว่า พรรคก้าวไกล น่าจะรับทราบโจทย์ของปัญหานี้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องมาตรา 112

ส่วนกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลเก่า จะมีการเสนอชื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายประเสริฐ ยอมรับว่า ในขณะนี้ มีความเคลื่อนไหวในการรวบรวมเสียงอยู่ จึงไม่สามารถประมาทได้ และ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะต้องพูดคุยกัน และประเมินสถานการณ์ร่วมกัน 

นายประเสริฐ ยังกล่าวถึงความไม่ชัดเจนของข้อบังคับการประชุมรัฐสภา จะสามารถเสนอชื่อนายพิธา ให้ที่ประชุมรัฐสภา พิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกครั้งหรือไม่ว่า เป็นอำนาจของประธานรัฐสภาในการวินิจฉัย หากการเสนอญัตตินั้นมีเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป และเชื่อว่า อำนาจประธานรัฐสภา สามารถชี้ขาดได้ ไม่เป็นอุปสรรค โดยขอให้เป็นไปดุลยพินิจของประธานรัฐสภา

นายประเสริฐ ยังปฏิเสธที่จะกล่าวถึงกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า แสดงความเห็นสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ระบุเพียงว่า แม้ความเห็นของนายปิยบุตร ควรที่จะรับฟัง แต่นายปิยบุตร ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล แต่หากจะให้แน่ชัด จะต้องฟังความคิดเห็นจากหัวหน้าพรรค เลขาพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล  

ส่วนหากพรรคก้าวไกล ตัดสินใจไปเป็นฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างไรต่อไปนายประเสริฐ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย ยังไม่มีแผนสำรอง แต่ทุกความเห็นที่เกิดขึ้น ก็ต้องนำไปหารือกับพรรคก้าวไกล และกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย 

นายประเสริฐ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ส.ว.ยังกังวลถึงการแก้ไขมาตรา 112 ที่ไม่มีใน MOU แต่พรรคก้าวไกลจะไปดำเนินการเองว่า ตาม MOU มี 2 ฉบับ ทั้งของ 8 พรรคร่วมจัดตั้ง และของพรรคเพื่อไทย-ก้าวไกล ซึ่งหากเป็นเรื่องที่นอกเหนือจาก MOU ให้ถือว่า เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลที่จะไปเสนอเองไม่เกี่ยวข้องกับ 8 พรรคฯ พร้อมย้ำว่า กำแพงที่พรรคก้าวไกลต้องข้ามให้ได้ คือการแก้ไขมาตรา 112 เพราะส.ว. และพรรคเสียงข้างน้อย ก็กังวลเป็นทิศทางเดียวกันและพรรคก้าวไกลจะต้องกลับไปทำการบ้าน 

นายประเสริฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.อีกครั้งพรรคเพื่อไทยเคยขอแก้ไขมาแล้ว 2 ครั้งและไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาแม้แต่ครั้งเดียว จึงเข้าใจว่า พรรคก้าวไกลขอปิด สวิตช์ ส.ว.ทลายกำแพงจากกรณีที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะส.ว.มีกำแพงเรื่องมาตรา 112 ไว้ และเชื่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังจากนี้จะยากขึ้นแต่หากสามารถปิดสวิชต์ ส.ว.ได้จริงก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้การเลือกนายกรัฐมนตรี ดำเนินการไปเฉพาะสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น