posttoday

เสรี เตือน 8พรรคร่วมลงนามMOU หากโหวตให้ พิธา อาจขัด รัฐธรรมนูญ

10 กรกฎาคม 2566

เสรี ห่วง 8 พรรคการเมือง ร่วมลงนาม MOU โหวตให้ พิธา ขาดคุณสมบัติ นั่งนายกฯ อาจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา159 ชี้ สว.ไม่กดดัน ยันทำทุกอย่างตามรัฐธรรมนูญ ปฏิเสธ ไม่เคารพ14ล้านเสียงเลือกก้าวไกล ไม่สนใจ กลุ่มชุมนุมสนับสนุนพรรคก้าวไกล พิธา นัดชุมนุม 13 ก.ค. อัด ไร้วุฒิภาวะ

วันที่ 10 ก.ค. ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เตรียมส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กรณีถือครองหุ้นสื่อ จะส่งผลต่อการโหวตเลือกนายกฯหรือไม่ว่า เราต้องพิจารณาคุณสมบัติด้วยอยู่แล้ว การที่กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นแนวทางที่สร้างความชัดเจน ช่วยแก้ปัญหาความเห็นต่างๆ กกต.จึงเป็นทางออก เมื่อสอบสวนไต่สวนชัดเจนแล้วสามารถสรุปเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ก็เป็นแนวทางที่จบปัญหา ถ้าทำเสร็จจริงก็ควรส่งไป

 เมื่อถามว่า อาจถูกมองว่าเป็นการสกัดกั้นนายพิธา ไม่ให้เป็นนายกฯหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า มันไม่ใช่เรื่องสกัดหรือไม่สกัด ถ้าใช้คำนั้นเหมือนตั้งใจไม่ให้นายพิธาเป็นนายกฯ แต่เป็นเรื่องของบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้นายกฯต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม โดยกำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ที่ให้ ส.ส. และ ส.ว. โหวตเลือกนายกฯ

มาตรา 159 ส.ส. และ ส.ว. ต้องเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้ามคือ ห้ามถือหุ้นสื่อ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ผิดในตัวเองอยู่แล้ว แต่การส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อหาข้อยุติให้ชัดเจน เพราะการถือหุ้นคือเหตุ ส่วนผลคือรอศาลตัดสิน แต่ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น ส.ส. และ ส.ว. ต้องทำตามบทบัญญัติในมาตรา 159 ให้ชัดเจน

“ผมเป็นห่วง 8 พรรคที่เซ็นเอ็มโอยูว่า จะกล้าตัดสินใจเลือกคนที่คุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากเลือกคนขัดรัฐธรรมนูญ คนขาดคุณสมบัติ ทั้งหมดจะเหมือนปลาในข้องเดียวกัน จะมีปัญหากับพรรคเหล่านั้นได้ จึงอยากฝากไปพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเหล่านี้ด้วย การที่แต่ละพรรคจะโหวตนายพิธา ดูรัฐธรรมนูญมาตรา 159 หรือยัง ว่าต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม แต่ละพรรคท่านต้องไปดู มิเช่นนั้นจะกลายเป็นท่านทำขัดรัฐธรรมนูญเอง จะกลายเป็นท่านล้มล้างการปกครองหรือไม่ เพราะขัดมาตรา 159 ซึ่งจะไปไกลถูกตีความอีกเยอะ สุดท้ายจะทำร้ายตัวคุณเอง อาจจะไปไกลถึงถูกยุบพรรค นายเสรี กล่าว


เมื่อถามว่า มีการพูดกันว่าส.ว.ไม่เคารพเสียงประชาชน นายเสรี กล่าวว่า พรรคก้าวไกลได้ 14 ล้านเสียง และรวมกับพรรคอื่นๆ ต้องเข้าใจว่าเสียงแต่ละพรรคที่ได้มาคือประชาชนลงคะแนนให้แต่ละพรรค เช่น ลงให้พรรคเพื่อไทย เพราะจะให้แคนดิเดตนายกฯทั้ง 3 คน ของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ เขาไม่ได้ให้เอาคะแนนไปบวกกับพรรคอื่นแล้วเลือกพรรคอื่นเป็นนายกฯ หากแต่ละพรรคเอาเสียงประชาขนไปบวกพรรคก้าวไกล จะกลายเป็นแต่ละพรรคไปทำขัดเจตนารมณ์ประชาชนที่เลือกพรรคนั้นๆมา ดังนั้น อย่าไปรวมกันเลย มันเป็นกระบวนการผ่านความเห็นชอบจากประชาชนมาระดับหนึ่ง แต่การเลือกนายกฯ ก็เป็นสิ่งที่สมาชิกรัฐสภาทำตามรัฐธรรมนูญ จึงเป็นคนละส่วนกัน สิ่งสำคัญคืออย่ายุยงคนให้ชุมนุมเรียกร้อง เพราะจะปั่นป่วนนักการเมืองต้องมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองและประชาชน ยิ่งแสดงออกพฤติกรรมเหล่านี้ยิ่งแสดงว่าไม่เหมาะสมบริหารประเทศ 

“วันที่ 13 ก.ค.ที่มีการนัดให้กำลังใจนายพิธา หน้ารัฐสภา สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะที่ไม่รับผิดชอบ ซึ่งส.ว.ไม่กังวล เพราะทำถูกต้องตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ หากเราหวาดหวั่นต่อสิ่งผิด แสดงว่าเราเป็นคนใช้ไม่ได้ไม่รับผิดชอบที่กลัวม็อบกลัวแรงกดดัน ทำให้ทำลายหลักการสำคัญของของบ้านเมือง ซึ่งเชื่อว่าคนทั้งประเทศไม่ต้องการให้ผมเป็นคนแบบนั้น” นายเสรี กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้ส.ว.มีความชัดเจนในการโหวตเลือกนายกฯอย่างไร นายเสรี กล่าวว่า กลุ่มเราชัดเจนว่าจะไม่เลือกคน และพรรค ที่ทำเรื่องซึ่งกระทบสถาบัน และกระทบมาตรา 112 เช็คเสียงตอนนี้ยังโหวตไม่ถึง 5 คน หรืออาจบวกลบนิดหน่อย ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นแบบนั้น

เมื่อถามว่า ส.ว.หลายคนยินดีโหวตนายกฯเสียงข้างมากกังวลหรือไม่ว่าอาจเป็นพลังเงียบ นายเสรี กล่าวว่า เงียบก็คือเงียบ มันไม่มีหรอก ถามว่ามีใครออกมาแสดงตัวบ้างว่าสนับสนุน รายชื่อที่ออกมาก็มีแต่ถอย แต่ถ้ามีจริงก็ให้สาธารณชนเห็นด้วยคนจะได้เชื่อ

เมื่อถามว่า ทางพรรคก้าวไกลได้ติดต่อมาบ้างหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ไม่มีการติดต่อมายังตน แต่ได้ข่าวว่ามีติดต่อมาหาเพื่อนส.ว. แต่ก็ถูกปฏิเสธไป บอกว่าถ้าไม่ถอยเรื่อง 112 เขาก็ไม่เลือก เขาก็ตอบชัดเจน ส่วนวันโหวตส.ว.จะงดหรือไม่เห็นชอบ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะเลือกเอง

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68