posttoday

เรืองไกร เปิดหลักฐานโต้ ปมคลิปเสียง บันทึกประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ไม่ตรงกัน

12 มิถุนายน 2566

เรืองไกร ชี้ คลิปเสียงกับบันทึกประชุม ไอทีวี ไม่ตรงกัน ไม่ส่งผลต่อการตรวจสอบกกต. พิธา ถือหุ้น ไอทีวี ยก หมายเหตุประกอบงบการเงิน ย้ำชัด ไอทีวียังเป็นสื่อ แสดงหลักฐาน พิธา โอน42000หุ้นให้ทายาท ตั้งแต่ 25พ.ค. เย้ยกลับ กองเชียร์ อย่าเพิ่งดีใจออกนอกหน้า ขอให้ดูไปยาวๆ

วันที่12มิ.ย. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หนึ่งในผู้ที่ยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ให้ตรวจสอบการถือหุ้นไอทีวีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี ข่าวสามมิติ นำคลิปเสียงบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นของไอทีวีมาเปิดเผย ซึ่งไม่ตรงกับเอกสารที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า ไม่ได้หมายถึงบันทึกการประชุมเท็จ แต่เป็นการจดบันทึกการประชุมที่คลาดเคลื่อน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผู้ถือหุ้นที่ตรวจพบ หรือสงสัยว่ามีการบันทึกการประชุมคลาดเคลื่อน สามารถแจ้งไปยังบริษัทเพื่อแก้ไขบันทึกการประชุมได้ เป็นเรื่องระหว่างผู้ถือหุ้นกับบริษัท 

นายเรืองไกร ยังบอกว่า คลิปเสียงบันทึกการประชุมที่นำมาเปิดเผย ไม่ได้ทำให้น้ำหนักในการถือหุ้นไอทีวีซึ่งเป็น กิจการสื่อ ลดน้อยลงไป เพราะวัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัทที่จดแจ้งเอาไว้ ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนหรือยกเลิกไป ยังคงวัตถุประสงค์เดิมอยู่
และคำว่า สื่อ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องรับสัมปทาน หรือมีสัญญาร่วมการงานกับรัฐเท่านั้น แต่ประกอบกิจการอย่างอื่นก็เป็นสื่อได้ เช่น ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ ก็เป็นสื่อ หรือรับพิมพ์สิ่งพิมพ์ต่างๆ เหมือน บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด กรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็มีสถานะเป็น สื่อ เช่นกัน 
 

ฉะนั้นเรื่องบันทึกการประชุมจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตนเห็นข่าวแล้วก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าจะมาแถลงตื่นเต้นอะไรกัน จึงขอเสนอให้ผู้ที่ออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้ ไปเปิดพจนานุกรมดูว่า คำว่า สื่อ หรือ mass media หมายความว่าอะไร มีอะไรที่เป็น mass media บ้าง 

นอกจากนั้น ในบันทึกการประชุมฉบับเต็มของไอทีวี ก็มีการรายงานแผนธุรกิจ และแผนการทำสื่อรูปแบบต่างๆ ระบุเอาไว้ชัดเจน ตั้งแต่ก่อนจะจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่เสียอีก ฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องการเมืองที่มีการวางแผนเล่นงานนายพิธา ตามที่มีการตั้งข้อสงสัยกัน 

ส่วนกรณี กกต.ตีตกคำร้องของตน เกี่ยวกับคุณสมบัตินายพิธาที่ยังถือหุ้นไอทีวีอยู่นั้น นายเรืองไกร บอกว่า ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งจาก กกต. ก็กำลังรอพิจารณาเหตุผลอยู่เหมือนกัน แต่การตีตกคำร้องก็ไม่ได้แปลว่า นายพิธา จะรอดเรื่องหุ้นไอทีวี เพราะ กกต.ตีตกคำร้องในแง่ที่ว่าพ้นระยะเวลาส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณาวินิจฉัยเท่านั้น ซึ่งต้องส่งก่อนเลือกตั้ง แต่ตอนนี้ กกต.ตั้งแท่นดำเนินคดีอาญา ตามกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 151 จึงแสดงให้เห็นว่า กกต.เชื่อเองว่า นายพิธา ไม่มีคุณสมบัตลงสมัคร ส.ส. และรู้ตัวเองตั้งแต่ต้น แต่ยังฝืนลงสมัคร ซึ่งในความเห็นของตนถือว่าหนักกว่าคำร้องที่ตนยื่นไปด้วยซ้ำ 


นายเรืองไกร ยังฝากถึงหลายคนที่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้ แสดงความดีใจจนออกนอกหน้าเกี่ยวกับเรื่องหุ้นนายพิธาว่า ควรศึกษาข้อกฎหมายและเอกสารหลักฐานอื่นๆ ให้รอบคอบ เพราะหลักฐานไม่ได้มีแค่บันทึกการประชุมเพียงแผ่นเดียว แต่ก็ไม่ได้ขัดข้องหากใครจะดีใจ ก็ถือเป็นความหวังอีกเฮือกหนึ่งของผู้สนับสนุนนายพิธา แต่ตนอยากขอให้ดูเรื่องนี้ยาวๆ

นายเรืองไกร ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง โดยได้แสดงเอกสารการโอนหุ้น และหมายเหตุการประกอบงบการเงินแบบย่อ พร้อมกับกล่าวว่า หากไปดูในเอกสาร บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ตรงช่วงหมายเหตุประกอบงบการเงินแบบย่อ ในข้อที่10 ระบุถึง เหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลารายงาน ที่มีข้อความว่า ‘เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 บริษัทมีการนำเสนอการลงสื่อให้กับกิจการที่เกี่ยวข้องกัน และเมื่อวันที่ 28เมษายน 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่2/2566 มีมติรับทราบรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยเป็นผู้ให้บริการลงสื่อโฆษณา จากการที่บริษัทได้มีการให้บริการแก่บริษัทในกลุ่มข้างต้น บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสที่2 ของปี2566’


นายเรืองไกรกล่าวว่า จากหลักฐานที่ได้ส่งให้ดู ข้อ10 แสดงว่า ไอทีวี ยังทำสื่อมาตั้งแต่วันที่ 24ก.พ.2566 ส่วนข้อมูลที่มีการหยิบยกคลิปเสียงการประชุม กับ บันทึกการประชุมที่ไม่ตรงกันนั้น ตรงนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นเขารับรองทุกปี รายงานชุดนี้มี 14หน้า ที่ส่งให้ผู้สื่อข่าวดูคือ ตอนท้าย เมื่อผู้ถือหุ้นคนใดคนหนึ่งบอกว่า รายงานการประชุมไม่ตรง เมื่อมีหลักฐานเป็นคลิปไม่ตรง ก็แก้ให้ตรงก็แค่นั้นเอง ไม่เกี่ยวอะไรเลย เหมือนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร รับรองรายงานการประชุม เพื่อให้ตรวจดูว่า ที่จดตามที่พูดถูกหรือไม่ ถ้าไม่ถูกก็แจ้งประชุมผู้ถือหุ้นคราวต่อไป 


แต่เมื่อผู้ถือหุ้นรายนี้ เห็นว่า อาจจะเป็นเกมการเมือง ก็ส่งให้สื่อ ที่จริงเรื่องนี้ เป็นเรื่องปกติ การประชุมบริษัท หรือการประชุมต่างๆ ประชุมกรรมาธิการ ประชุมสภาฯ ที่ให้รับรอง เมื่อไม่ถูกก็ให้ไปแก้ แค่นั้น เรื่องนี้ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับ ลักษณะต้องห้ามการลงสมัครส.ส.แต่อย่างใด เหมือนติดกระดุมผิดไหม ก็ติดให้มันถูก 

ถามว่า ในคลิปมีการวิพากษ์วิจารณ์ คลิปเสียงกับบันทึกการประชุม ออกมาไม่ตรงกัน นายเรืองไกรกล่าวว่า ตามหมายเหตุที่ส่งให้ดู ยังเป็นสื่อตั้งแต่ 24ก.พ.2566 ตามที่มีการรายงาน อันนี้เป็นเอกสารเป็นทางการ เวลาจะดู พยานหลักฐานอันนี้ เป็นส่วนที่เขาใส่ไว้งบการเงิน อันนี้เป็นสาระสำคัญ คำถาม ตอบ ถูกบ้างผิดบ้าง ไม่ใช่สาระสำคัญ

พอเห็นว่าพรรคก้าวไกล จะแถลง เลยส่งให้ดูว่า ได้เห็นหมายเหตุ ไตรมาส1 ของไอทีวี หรือยัง นายพิธา จำได้หรือยัง โอนหุ้นวันที่ 25พ.ค. อันนี้เป็น หลักฐานที่เป็น ลายลักษณ์อักษร ที่นายพิธา เคยบอก จำไม่ได้โอนหุ้นวันที่เท่าไหร่ ก็เลยบอก จำไม่ได้อะไร โอนไปตั้งแต่วันที่ 25พ.ค.66 

ถามว่า จากข้อมูลเอกสาร จะกระทบการตรวจสอบกับกกต.หรือไม่ นายเรืองไกรกล่าวว่า  บันทึกการประชุมไม่เกี่ยว แต่หมายเหตุคือ ทำสื่อแล้ว และทำก่อนยุบสภา ทำอยู่ขณะนายพิธา ถือหุ้นด้วย กฎหมายเขียนอย่างไร ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายก็ว่าไปตามนั้น 

เรืองไกร เปิดหลักฐานโต้ ปมคลิปเสียง บันทึกประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ไม่ตรงกัน

 

เรืองไกร เปิดหลักฐานโต้ ปมคลิปเสียง บันทึกประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ไม่ตรงกัน