posttoday

ชวลิตเปิดงานวิจัยสถาบันพระปกเกล้า แจง 3 จังหวัดชายแดนใต้เลือกกระจายอำนาจ

11 มิถุนายน 2566

ชวลิต วิชยสุทธิ์ เปิดงานวิจัยสถาบันพระปกเกล้า แจงคนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ชี้ต้องการกระจายอำนาจ มากกว่าแบ่งแยกดินแดน

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคไทยสร้างไทย คณะทำงานย่อยแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ ได้ให้ความเห็นกรณีมีความพยายามจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในการจัดสัมมนาทางวิชาการที่ มอ.ปัตตานี หลังมีการเสนอทำประชามติเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกดินแดน นั้น

ทั้งนี้นายชวลิตมองว่า การแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทุกภาคส่วนควรอดทน ละเอียด รอบคอบต่อการแก้ไขปัญหา ระวังอย่าเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวส่งผลให้ปัญหาบานปลายเหมือนเช่นที่เคยเป็นมาในอดีต

ในฐานะที่เคยทำงานในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ในสมัยที่ผ่านมา ตนมีข้อสังเกตต่อแนวทางแก้ไขปัญหาของ 3 จังหวัดชายแดนใต้จำนวน 2 ประการ ดังนี้

1. สถาบันพระปกเกล้า โดย พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาส ผู้อำนวยการ สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า  เคยทำงานวิจ้ยแนวทางแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ โดยใช้ชื่องานวิจัยนั้นว่า  PEACE SURVEY เพื่อทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ถึง 5 ครั้ง

โดยในครั้งที่ 5 สำรวจความเห็นระหว่างเดือนกันยายน - ตุลาคม 2562 ซึ่งสอบถามความเห็นประชาชนถึง "รูปแบบการปกครองที่ต้องการ" พบว่า รูปแบบการปกครองที่เป็นอิสระจากประเทศไทย เป็นรูปแบบที่ประชาชนต้องการ "น้อยที่สุด"

ส่วนรูปแบบการปกครองที่ประชาชนต้องการมากที่สุด คือ รูปแบบการปกครองที่มีการกระจายอำนาจมากขึ้น ด้วยโครงสร้างการปกครองที่มีลักษณะเฉพาะของพื้นที่ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย (เอกสารงานวิจัย หน้าที่ 68)

ข้อสังเกตในประเด็นนี้ก็ คือ ความคิดเห็นของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่จะเป็นอิสระจากประเทศไทยนั้นมี แต่น้อย มีข้อสังเกตว่า ถ้าไม่ปรับนโยบายและยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหา ปล่อยให้ปัญหาความไม่สงบ ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความยากจน และความอยุติธรรม  เป็นปัญหาที่จมลึกอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน ไปมากกว่านี้ ก็จะกระทบและสร้างความเสียหายต่อการพัฒนาประเทศโดยภาพรวมมากขึ้น ๆ

2. คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ทำการศึกษา เรื่อง แนวทางสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ เพื่อการพัฒนาสร้างสันติสุขและประชาธิปไตย ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งรายงานของคณะกรรมาธิการดังกล่าว มีตัวแทนจากทุกพรรคการเมืองร่วมเป็นคณะกรรมาธิการได้ให้ความเห็นชอบกับรายงานพร้อมทั้งเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรและบรรจุอยู่ในระเบียบวาระการประชุมแล้ว แต่การพิจารณาไม่ถึง ระเบียบวาระ หมดสมัยประชุมไปก่อน

บทสรุปของคณะกรรมาธิการ ฯ ต่อการแก้ไขปัญหาของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ คือ ปรับนโยบายและยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหา โดยใช้นโยบายเศรษฐกิจ การเมือง นำการทหาร และน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" มาปรับใช้อย่างจริงจัง

ประการสำคัญ เวลาของความขัดแย้ง ความไม่สงบ ได้ยืดเยื้อยาวนานเกือบ 20 ปีติดต่อกัน สร้างความเสียหายต่อชีวิต จิตใจ ทรัพย์สิน ทั้งของประชาชนและทางราชการมากมาย ถึงเวลาที่จะให้ "อภัย" ต่อกัน โดยหลักศาสนาทั้งพุทธและมุสลิม โดยนำคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ (ขอเอกสารรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการ ฯ ได้จากสภา ฯ)

ในส่วนข้อเสนอจากพรรคไทยสร้างไทย นั้น พรรคได้นำงานวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าและรายงานของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฏร มาปรับใช้ มีไทม์ไลน์  ในการแก้ไขปัญหาของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว

โดยระยะยาวซึ่งเป็นระยะสุดท้าย เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เมื่อบริหารจัดการ 2 ขั้นตอนแรกเรียบร้อย จึงถึงขั้นตอนการกระจายอำนาจภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ประการสำคัญคือ ผู้บริหารพรรคโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรค และ ดร.โภคิน พลกุล ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ไม่เพียงเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้ง 3 ขั้นตอนดังกล่าว ซึ่งนำงานวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า และรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร มาปรับใช้แล้ว 

แต่ยังแนะนำให้เพิ่มมิติด้านการต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการประสานกับมิตรประเทศที่จะร่วมกันสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในภูมิภาค ซึ่งผมได้แจ้งต่อที่ประชุมคณะทำงานย่อย ฯ ในการประชุมครั้งแรกที่พรรคก้าวไกล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว และจะติดตามในการประชุมครั้งที่สอง ในวันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2566 ณ พรรคประชาชาติต่อไป