posttoday

ศาลยุติธรรมแจงเลื่อนคดีชลธิชาเร็วขึ้นยึดระเบียบให้เสร็จทันตามกรอบเวลา

03 มิถุนายน 2566

"สรวิศ ลิมปรังษี" โฆษกศาลยุติธรรม แจ้งเหตุผู้พิพากษา เลื่อนคดี 112 "ชลธิชา"เร็วขึ้น เป็นไปตามระเบียบ ปธ.ศาลฎีกา เพื่อให้คดีเสร็จตามกรอบเวลา เผยฝ่ายจำเลยมีทนายความ2คน ทำหน้าที่แทนกันได้

นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงกรณี น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.ปทุมธานี ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เพื่อให้ตรวจสอบวินัยผู้พิพากษาศาลอาญา ที่เร่งรัดคดีอาญา มาตรา 112 ที่ น.ส.ชลธิชา ตกเป็นจำเลย โดยมีการเลื่อนนัดสืบพยานให้เร็วขึ้น จนไม่มีทนายความจำเลย ร่วมฟังการสืบพยานโจทก์ เมื่อวันที่1มิ.ย.2566   
 

นายสรวิศ กล่าวว่า คดีนี้แต่เดิมมีการกำหนดนัดสืบพยาน ไว้เป็นช่วงเดือนมีนาคม 2567 แต่ตอนหลังมีเรื่องของการกำหนดกรอบระยะเวลา ในกระบวนการยุติธรรม โดยมีระเบียบของประธานศาลฎีกาออกมาว่า คดีประเภทคดีอาญาสามัญ ควรจะพิจารณาคดีแล้วเสร็จ ตั้งแต่วันรับฟ้อง
 

ซึ่งศาลอาญาเห็นว่า ระยะเวลา ที่มีการนัดสืบพยานในช่วงเดือนมีนาคม 2567 น่าจะเป็นระยะเวลาที่ยาวเกินไป เลยกรอบไปนาน จึงมีการปรับปรุงวันนัดใหม่ ให้กระชั้นขึ้น หรือเร็วขึ้น เพื่อไม่ให้เกินกรอบ ระยะเวลานานเกินไป 

นายสรวิศ กล่าวว่า เมื่อกำหนดวันนัดใหม่ ก็เลยมีประเด็น ที่จำเลยโต้แย้งวันนัดว่า ในวันที่ 1 - 2 มิ.ย. 66 จำเลยไม่ว่าง เพราะทนายติดว่าความคดีที่ศาลอื่น จึงขอเลื่อนการสืบพยาน ในวันดังกล่าว แต่องค์คณะผู้พิพากษา เจ้าของสำนวนคดีนี้ พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้จำเลยมีทนาย 2 คน คือ นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม และ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส 

โดยคนที่แถลงเลื่อนว่า ติดว่าความที่ศาลอื่น คือ ทนายนรเศรษฐ์  ส่วนทนายกฤษฎางค์  ไม่ได้ปรากฏว่า ติดคดีอะไร  เพราะฉะนั้นโดยปกติ เมื่อมีทนาย 2 คนแบบนี้ หากคนหนึ่งติดว่าความคดีอื่น แต่อีกคนไม่ติดคดีอะไร ก็สามารถที่จะทำหน้าที่ได้ องค์คณะผู้พิพากษา จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และมีการสืบพยานไป

ส่วนประเด็นที่ น.ส.ชลธิชา ระบุว่า ในการสืบพยานจำเลยวานนี้ (1มิ.ย.) ไม่มีทนายจำเลย ร่วมรับฟังการสืบพยานภายในห้องพิจารณาคดีนั้น โฆษกศาลยุติธรรม  กล่าวว่า ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย กำหนดว่า ต้องมีการสืบพยานต่อหน้าจำเลย  ต่ไม่ได้ระบุว่า ต้องสืบพยานต่อหน้าทนายจำเลย

เพราะฉะนั้นเรื่องของกระบวนพิจารณา การที่กฎหมายกำหนดคือ เรื่องของจำเลยเป็นหลัก แต่สิทธิ์ในการที่จะต่อสู้คดี ในการถามค้านตรงนี้ ก็มี 2 ส่วนคือ ประเด็นแรก ทางศาลถามตัวจำเลยว่า จะซักถามพยานในเชิงถามค้านเองหรือไม่ ซึ่งจำเลยก็ไม่ใช้สิทธิ์

ทั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของตัวความ ไม่ว่าจะเป็นโจทก์ หรือจำเลย ก็มีสิทธิ์ที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาได้เองอยู่แล้ว  เพราะทนายก็เป็นตัวแทนของตัวความ ก็คือโจทก์ จำเลย เพราะฉะนั้น สิทธิ์ในการถาม ก็เป็นสิทธิ์ในตัวความอยู่แล้ว

นายสรวิศ ยังกล่าวด้วยว่า ในการสืบพยานโจทก์ เมื่อวานที่ผ่านมา มีการอัดเทป หรือวิดีโอไว้ด้วย  ซึ่งศาลก็ได้มีการถามเหมือนกันว่า หากทนายจำเลย ไม่ว่างในวันดังกล่าว ก็สามารถไปศึกษาจากวิดีโอที่บันทึกไว้ เพื่อขอถามค้านในวันอื่นได้ แต่ปรากฏว่า น.ส.ชลธิชา ก็โต้แย้งมาโดยตลอดว่า กระบวนการพิจารณาไม่ชอบ จึงแจ้งต่อศาลว่า ไม่ประสงค์ที่จะใช้สิทธิ์ตรงนี้

ส่วนการยื่นหนังสือถึง ก.ต. เพื่อขอให้ตรวจสอบการพิจารณาคดี ขององค์คณะผู้พิพากษานั้น เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ และถือเป็นเรื่องปกติที่ว่า หากคู่ความคนใดเห็นว่า ตนเองอาจจะไม่ได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสม ก็ยื่นเรื่องให้พิจารณาได้อยู่แล้ว แต่ว่าสุดท้าย การพิจารณาจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในคดีที่เกิดขึ้น 

ส่วนประเด็นเรื่องของการตั้งคำถามว่า ศาลเร่งรัดพิจารณาคดี เฉพาะว่าที่ ส.ส.ของพรรคก้าวไกล นั้น โฆษกศาลยุติธรรม ระบุว่า คงไม่ได้เกี่ยวกับการเป็นว่าที่ ส.ส. เพราะการเร่งรัดคดีตรงนี้  ก็ไม่ใช่เฉพาะคดีนี้ ซึ่งการปรับปรุงวันนัด ก็มีการปรับปรุงในหลาย ๆ คดี ให้เร็วขึ้น ตามกฎหมายที่ออกมา และคดีของ น.ส.ชลธิชา ก็ฟ้องมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งฟ้อง ส่วนคดีที่มีการอ้างถึงว่า พิจารณาคดีล่าช้านั้น เป็นคดีที่เพิ่งเกิดขึ้น ดังนั้นคงนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้