posttoday

ตั้งรัฐบาล66:เรืองไกร ร้องกกต.เพิ่มเติม เอาผิด พิธา ปมถือหุ้นสื่อ

16 พฤษภาคม 2566

เรืองไกร ร้อง กกต. ตรวจสอบเพิ่มเติม พิธา ปมถือหุ้น ไอทีวี หวั่นเข้าข่าย มีลักษณะต้องห้ามลงสมัครส.ส.ตั้งแต่ต้น เป็นเหตุ ต้องพ้นจากสมาชิก หัวหน้าพรรคก้าวไกลหรือไม่ กางตำรา กฎหมาย ยกข้อบังคับก้าวไกลขยี้ซ้ำ เปิด บทลงโทษ พรป.พรรคการเมือง มาตรา112 ขึ้นขู่

วันที่ 16 พ.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางมายังสำนักงานการการเลือกตั้ง(กกต.) ยื่นหนังสือร้องเรียน ประธานกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ขอให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเข้าข่ายต้องพ้นจากสมาชิก พรรคก้าวไกลและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 24 หรือไม่ และจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 112 วรรคหนึ่ง หรือไม่

โดยหนังสือดังกล่าว มีเนื้อหาส่วนสำคัญระบุว่า ขอให้กกต. ตวจสอบเพิ่มเติมว่า นายพิธา ลิ้มเจริญตน์ จะเข้าข่ายต้องพ้นจากสมาชิกพรรคก้าวไกลและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 24 หรือไม่ และจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 112 วรรคหนึ่ง หรือไม่ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1. การเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะต้องเป็นไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ซึ่งมีมาตราที่เกี่ยวข้อง คือ

มาตรา 24 สมาชิกต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดใน
ข้อบังคับ ซึ่งอย่างน้อยต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี และมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด ในกรณีเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ ต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี
(2) ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 98 (1) (2) (4) (5) (6) (7) (8) (9) (11) (14) (16) (17) หรือ (18) ของรัฐธรรมนูญ
(3) ไม่เคยต้องคำพิพากษาอ้นถึงที่สุดให้จำคุกว่า กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับ
ทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา เว้นแต่เป็นการรอการลงโทษ

(4) ไม่เคยต้องคำพิพากษานถึงที่สุดให้จำคุกว่า กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วย การกู้มเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วย ยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วย การพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน
(5) ไม่เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื่นหรือผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองอื่น ตามมาตรา 11 หรือผู้แจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองอื่นตามมาตรา 18

มาตรา 112 บัญญัติว่า ผู้ใดรู้ว่าตนไม่มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามสำหรับการเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญถูกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิก กรรมการบริหารอื่นของพรรคการเมือง กรรมการสาขาพรรคการเมือง หรือ
ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด แต่ยินยอมรับการแต่งตั้งเพื่อดำรงตำแหน่งดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน หกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พรรคการเมืองใดแต่งตั้งบุคคลใดให้ดำรงตำแหน่งตามวรรคหนึ่งโดยรู้ว่าผู้นั้น
ไม่มีคุณสมบัติหรือ มีลักษณะต้องห่ามสำหรับการดำรงดำแหน่งดังกล่าว ด้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

ข้อ 2. ข้อบังคับพรรคก้าวไกล ซึ่งยังใช้บังคับอยู่ในขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แสดงตนเป็นสมาชิก มีการกำหนดไว้บางข้อ ดังนี้
ข้อ 12 สมาชิกต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ ... (6) เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ"
ข้อ 21 สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลงเมื่อ ... (3) ขาดคุณสมบัติตามข้อ 11หรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 12"
ข้อ 37 กรรมการบริหารพรรคสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อ ... (3) พ้นจากสมาชิก

ข้อ 3. ข้อบังคับพรรคก้าวไกล ข้อ 12 (6) จึงควรหมายความรวมถึงลักษณะ
ต้องห้ามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 ทุกอนุมาตรา ซึ่งหมายถึง มาตรา 98(3) ด้วย

ข้อ 4. รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) บัญญัติว่า มาตรา 98 บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร... ..(3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ

ข้อ 5. ดังนั้น ต่อกรณีคำร้องตามที่อ้างถึง 1. และ 2.  ซึ่ง กกต. ทราบดีอยู่แล้วนั้น ทำให้มีหตุต้องร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบเพิ่มเติมว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเข้าข่ายต้องพันจากสมาชิกพรรคก้าวไกลและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 24 หรือไม่ และจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 112 วรรคหนึ่ง หรือไม่

ข้อ 6. กรณีที่พรรคก้าวไกลแต่งตั้งหรือยินยอมให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยรู้หรือควรรู้ว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีลักษณะ ต้องห้ามสำหรับการดำรงตำแหน่งดังกล่าว จะเข้าข่ายข่ายมีความผิดตามพระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 112 รรคสอง หรือไม่

ข้อ 7 . กรรมการบริหารอื่นของพรรคก้าวไกลที่ร่วมรับรู้หรือสนับสนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญตน์ ยังคงเป็นสมาชิกพรรคและหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ป.อาญา มาตรา 83 หรือ มาตรา 86 ตามมาด้วย
หรือไม่

ข้อ 8. ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราฎรพรรคก้าวไกลทุกคนที่ยินยอมหรือยอมรับให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ใช้สถานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลลงนามรับรองให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งแบบแบ่งเขตและแบบ
บัญชีรายชื่อ จะเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามมาด้วย หรือไม่

จึงเรียนมาเพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบเพิ่มเติมว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเข้าข่ายต้องพันจากสมาชิกพรคก้าวไกลและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 24 เพราะเป็นผู้ถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) อันมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา98 (3) หรือไม่ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเข้าข่ายมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ. 2560 มาตรา 112 วรรคหนึ่ง หรือไม่ และพรรคก้าวไกล จะเข้าข่ายข่าย มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 112วรรคสอง หรือไม่