posttoday

แกะรอยล่า อาชญากรไซเบอร์

19 มกราคม 2553

 แนวโน้มของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ทั้งที่ตั้งใจและไม่รู้ว่าตนเองกระทำความผิดอยู่ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้น 2 เท่าตัวทุกปี....

 แนวโน้มของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ทั้งที่ตั้งใจและไม่รู้ว่าตนเองกระทำความผิดอยู่ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้น 2 เท่าตัวทุกปี....

โดย...อิทธิกร เถกิงมหาโชค

คลิปตัดต่อเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กลายเป็นเรื่องฮอตติดลมบนทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ โด่งดังเกรียวกราวจนลามเป็นศึกกลางสภา เล่นเอาสะใจชาวบ้านไปทั่วเมือง แต่ก็ยังไม่มีใครชี้ชัดได้ว่า “ต้นตอ” ปล่อยคลิปฉาวไฟล์นี้หลุดมาจากใคร และจากที่ไหนกันแน่?

แต่ไม่ว่าจะเป็นเกม “การเมือง” ของฝ่ายไหน ต้องขอย้ำว่า “มือปล่อย” คลิปนี้ยังไงก็หนีข้อหา “หมิ่นประมาท” ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต หลังฟอร์เวิร์ดส่งต่อกันไปถึง 200 ราย ถือเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

ฟันธงเฉพาะเจาะจงลงไปเลยคือ มาตรา 14 ยิ่งนำข้อมูลเท็จไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วนก็ตาม ในที่นี้คือการตัดต่อเสียง ตัดคำว่า “ไม่” ออกไป เพราะต้องการให้คำพูดนายอภิสิทธิ์ฟังดูรุนแรง พฤติกรรมนี้เองผิดกฎหมาย 100% มีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พ.ต.อ.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้กำกับการศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำความผิดทางเทคโนโลยี หรือศตท. มือปราบไซเบอร์แถวหน้าของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) บอกว่า แนวโน้มของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ทั้งที่ตั้งใจและไม่รู้ว่าตนเองกระทำความผิดอยู่ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้น 2 เท่าตัวทุกปี ศตท.วิเคราะห์คดีที่เคยผ่านมือแล้วพบว่า การหมิ่นประมาทออนไลน์ครองแชมป์สูงสุดในบรรดาการกระทำผิดทางเทคโนโลยี รองลงมาคือ การพนันออนไลน์ และเว็บไซต์ลามกอนาจาร การฉ้อโกงออนไลน์ การทุจริตในการทำธุรกรรมทางการเงิน และปัญหา “แฮกเกอร์” เจาะระบบคอมพิวเตอร์

คดีเด็ดประเภทโพสต์ข้อความผ่านทางเว็บไซต์ เว็บบอร์ด ห้องสนทนา ICQ MSN E-mail หรือ SMS ไม่ว่าจะเป็นการล้อเล่น หรือไม่ตั้งใจก็ตาม ถือว่าผิดกฎหมายทั้งนั้น หนุ่มบางคนจีบสาวไม่ติด เลยแกล้งเอาเบอร์มือถือไปโพสต์ในเว็บบอร์ดต่างๆ ว่า “ขายค่ะ”...ทำนองเชิญชวนขายบริการทางเพศทั้งที่เจ้าตัวไม่เคยรู้เรื่องเลย

เรื่องง่ายๆ แค่ปลายนิ้วคลิกแบบนี้ ทำให้สาวๆ บางรายต้องอับอายถึงขั้นต้องลาออกจากงาน อีกแบบสุดฮิตไม่แพ้กันคือ “ฟอร์เวิร์ดเมล” ภาพ ลามกอนาจาร หรือภาพตัดต่อดาราสาวสวยทั้งไทยและเทศ ว่ากันวันนี้ก็รวม “คลิปหลุด” หรือคลิปตัดต่อเหมือนกรณีนายกฯ มาร์คพ่วงเข้าไปด้วย...ล้วนแต่ท้าทายกฎหมายคอมพ์กันทั้งนั้น

พ.ต.อ.ศิริพงษ์ หรือผกก.เจี๊ยบ บอกว่า ต้องถือว่าผู้ส่งอีเมลเป็นผู้เผยแพร่ หรือช่วยเผยแพร่ภาพลามกอนาจาร ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ขอเตือนว่าเมื่อได้รับอีเมลประเภทนี้มาแล้วไม่ควรส่งต่อ เพราะผู้รับไม่มีความผิด แต่ผู้ส่งมีความผิดแน่นอน

ทุกวันนี้ยังมีความเข้าใจผิดๆ ของคนใช้เน็ตที่ว่า “ส่งเมล หรือโพสต์กระทู้อะไรก็ได้ ไม่มีใครรู้” แต่ตำรวจศตท. ยืนยันว่า อาชญากรรมไซเบอร์ต้องทิ้งร่องรอยวันยังค่ำ ไม่ว่าจะอยู่ในกระบวนการคิด-เตรียมการ-วางแผน-ลงมือทำ ทั้งหมดนี้ตำรวจไซเบอร์ตามเช็กข้อมูลได้หมดตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ จากการสำรวจของหน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยี เครือข่ายศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค พบว่าปี 2549 มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตจำนวน 11.41 ล้านคน และเพิ่มขึ้นอีก 17.55% ในปี 2550 เป็นจำนวน 13.42 ล้านคน จะเห็นว่ามีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่โจรออนไลน์ก็พุ่งขึ้นตามกัน!

ปัญหาใหญ่การสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดบนโลกไซเบอร์นั้นมีเครือข่ายโยงใยไปทั่วโลก ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนการสืบสวนคดีอาชญากรรมปกติ แถมยังไม่สามารถระบุตัว “ผู้ต้องสงสัย” ได้ทันทีหลังก่อเหตุ กว่าจะถึงกระบวนการจับกุมจึงใช้เวลานานมาก ความท้าทายของตำรวจไซเบอร์อย่างศตท. จึงต้องใช้ปฏิบัติการ “ย้อนรอย” ไล่ล่าโจร ไซเบอร์อย่างเหนือชั้น หลายคดีใช้ตรรกะสืบสวนถึง 4 ขั้น แม้ว่าขั้นตอนสำคัญจะอยู่ที่กระบวนการสุดท้ายคือ การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) ที่สามารถ “ฟันธง” สาวถึงตัวการ แต่สไตล์การสืบสวนคดีไฮเทคก็ยังต้องเริ่มจาก “จุดเกิดเหตุ” เหมือนคดีอาชญากรรมปกติ “นักสืบ” ย่อมต้องควานหาหลักฐานให้ได้มากที่สุด ในที่นี้คือข้อมูลหมายเลขเครื่องคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ รวมทั้งข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือล็อกไฟล์ (Log File) ที่จะเริ่มต้นวางแนวทางสืบสวนขั้นแรก

ปฏิบัติการที่ว่านักสืบจะสร้างภาพอาชญากรรมขึ้นมา (Crime Reconstruction) เพื่อหา ตัวละครที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิด สร้างความเชื่อมโยงจากข้อเท็จจริง เช่น ตรวจสอบไอพีแอดเดรส (IP Address) หรือไอพี เช่น อินเทอร์เน็ต โปรโตคอล (Internet Protocol) เหมือนเลขที่บ้าน รวมทั้งตรวจสอบโดเมนเนม (Domain Name) คือชื่อบ้านผู้ใช้ โดยปกติแล้วจะค้นหาไอพีรวมทั้งเวลาที่ใช้งาน ส่วนใหญ่ในเว็บบอร์ดต่างๆ จะแสดงหมายเลขไอพีและเวลาในการส่งข้อความอยู่แล้ว จุดนี้เองตำรวจไซเบอร์จะสอบถามไปยังผู้ดูแลเว็บบอร์ดนั้นได้เช่นเดียวกับตรวจสอบการส่งอีเมลค่ายต่างๆ

การประสานงานบูรณาการที่ว่านี้ นักสืบ ไซเบอร์จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ไอซีที) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่มีเจ้าพนักงานตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มากกว่า 40 คน ขณะที่ตำรวจที่ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าพนักงานตามกฎหมายฉบับนี้มีเพียง 2 นายเท่านั้น ซึ่งนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการไล่ล่าโจรออนไลน์ทั่วประเทศ

เมื่อได้ข้อมูลดิบมาแล้ว นักสืบจะเริ่มประมวลเหตุการณ์และ “ตั้งสมมติฐาน” จากมูลเหตุพื้นฐาน 4 ประเภท คือ ก่อเหตุเพื่อประสงค์สิ่งใด ประกอบด้วย ทรัพย์-เซ็กซ์-ศักดิ์ศรี-สติแตก ซึ่งจะนำไปสู่การวางกลยุทธ์สืบสวนหาหลักฐานและ เหตุผลเพิ่มเติม (Data Collecting) เมื่อเทียบเคียงความคืบหน้าคดีคลิปนายกฯอภิสิทธิ์ก็อยู่ในขั้น 3 เข้าไปแล้ว สำหรับการขยายผลเสาะหาว่า “ต้นตอ” เผยแพร่คลิปคือใครกัน?

ความท้าทายของการ “จับกุม” ผู้ก่อเหตุนั้น ตำรวจต้องเชื่อจากพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อเท็จจริง เช่น พยานบุคคล และพยานวัตถุ ซึ่งแนวโน้มของพยานหลักฐานจะใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ และเทคโนโลยีโปรแกรมพิเศษต่างๆ เพื่อหาความสำคัญระหว่างบุคคลกับการกระทำผิด จากสถิติในปี 2549 ศตท.สะสางคดีไฮเทคไปแล้ว 163 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีหมิ่นประมาทมากที่สุด 78 คดี ตามมาด้วยคดีภาพลามกอนาจาร 19 คดี อันดับที่ 3 คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 16 คดี ฯลฯ ชัดเจนว่าคดีหมิ่นประมาทนั้นมีผลต่อจิตใจ และประเมินค่าเป็นตัวเงินไม่ได้กับความเสียหายที่เกิดขึ้น

นอกเหนือจากตำรวจศตท. ที่เป็นเจ้าภาพหลักในการสืบสวนคดีไซเบอร์ทั่วประเทศแล้ว สตช.โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผบ.ตร. ยังสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (ปศท.) กองปราบปราม รวมทั้งพนักงานสอบสวนท้องที่ เข้าใจประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายคอมพิวเตอร์ควบคู่กันไปกับความล้ำสมัย เพราะวันนี้โครงสร้างใหม่สตช.กำลังเตรียมยกระดับศตท.ขึ้นเป็น กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี หรือปท. ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)

ครรลองตามกระบวนการยุติธรรม นอกจากตำรวจไซเบอร์แล้ว จึงสมควรมีอัยการและศาลคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมสะสางคดี ไซเบอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกวัน และทุกคนอยู่ในสถานะเสี่ยงจะตกเป็นเหยื่อได้ทุกวินาที!

 

ข่าวล่าสุด

มติสมช.ย้ำจบปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องคุยกันระดับทวิภาคี