posttoday

โพสต์ทูเดย์ เกาะติดเลือกตั้ง : ปทุมธานี แดงแยกกอ ก่อศึกชิง 7 เก้าอี้ส.ส.

14 กุมภาพันธ์ 2566

เลือกตั้ง66 สนามปทุมธานี ศึกของคนเสื้อแดง ถึงคราวของเพื่อไทยที่แม้จะมีการเตรียมพร้อมสำหรับเลือกตั้งมากสุดพรรคหนึ่ง แต่ปัญหาภายในทำให้ ปทุมธานีถิ่นคนเสื้อแดงจำต้องแตกแยกกอ หันมาต่อสู้เพื่อแย่ง 7 เก้าอี้ ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งนี้

สถานการณ์ การเลือกตั้ง66  สนามจ.ปทุมธานี เมืองสามโคก ปัจจุบัน มีเก้าอี้ส.ส.ให้ชิงกัน 7 เขต 7 เก้าอี้ เพิ่มจากครั้งก่อน 1 เก้าอี้  สนามการเมืองปทุมฯถือว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่มีการผูกขาด ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งในยุคหลังจากสิ้นบารมี ตระกูล "หาญสวัสดิ์" ตั้งแต่‘ชูชีพ หาญสวัสดิ์’ อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ ยุค ‘ทักษิณ ชินวัตร’หลังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษา ‘จำคุก’6 ปี ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และร่วมกับฮั้วประมูลการจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์เพื่อแจกเกษตรกรที่เดือดร้อนเมื่อปี 2544-2545 กว่า 1.3 แสนตัน รวมวงเงินกว่า 367 ล้านบาท 

ในการเลือกตั้ง 62 พรรคเพื่อไทย ถือว่ามีฐานการเมืองจากกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เรียกตัวเองว่า แดงปทุมฯค่อนข้างหนาแน่น แต่ก็ไม่สามารถกวาดเก้าอี้เข้ามาได้ทั้งหมด ได้มาสูงสุด 4 เขต แบ่งไปให้อนาคตใหม่และภูมิใจไทยพรรคละ 1 เก้าอี้ ในการเลือกตั้ง 66 ที่กำลังจะมาถึง ส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิม มีการแตกแยกออกไปสังกัดพรรคใหม่ ทั้ง ก้อย พรพิมล  ธรรมสาร ที่พรรคเพื่อไทยมีมติขับออก โทษฐาน “งูเห่า” และย้ายไปซบภูมิใจไทย และ ทีมงานสายตรง บิ๊กแจ๊ส พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่จำต้องย้ายค่ายหลังไม่สามารถต่อสู้ภายในเพื่อชิงพื้นที่ลงสมัครได้  การจัดทัพของ เพื่อไทย ที่มีฐานมวลชนคนเสื้อแดงในพื้นที่ปทุมครั้งนี้ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การกำกับของสายตรง คนแดนไกลเป็นส่วนใหญ่ โดยล่าสุดครั้งเมื่อ อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตรลงพื้นที่ ปทุมธานีเมื่อวันที่ 7 ก.พ.66 ที่ผ่านมาได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 7 เขตได้แก่ นายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล นายศุภชัย นพขำ นายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ นายสุทิน นพขำ นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ น.ส.ณัฐธิดา เกียรติพัฒนาชัย นายชนภัทร นันทกาวงศ์ นายยงยุทธ มั่นบุปผชาติ 

เมื่อสำรวจคู่แข่งที่จะมาต่อกรในการเลือกตั้ง 66 ที่กำลังจะมาถึงเริ่มจาก เขต 1 เจ้าของเก้าอี้เดิมเป็นของ “สุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล” จากพรรคเพื่อไทย แชมป์หลายสมัย และอดีตรัฐมนตรียุค ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ครั้งนี้ลงสมัครในนามเพื่อไทยเพื่อรักษาเก้าอี้อีกครั้ง โดย พลังประชารัฐส่ง “นายกใหญ่” เสวก ประเสริฐสุข อดีต นายก อบต. เชียงรากใหญ่ ทีมงาน “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ซึ่งถือเป็นสายตรงคนแดนไกลอีกคนหนึ่งแต่ครั้งนี้ไม่สามารถแย่งลงในนามเพื่อไทยได้  ขณะ ก้าวไกล ส่ง “เจษ” เจษฎา ถาวรธรรมฤทธิ์  ที่เป็นคนรุ่นใหม่มาช่วงเก้าอี้ในสนามนี้ด้วย 

เขต 2 เจ้าของเก้าอี้เดิมเป็นของ “ส.ส.เต๋า” ศุภชัย นพขำ พรรคเพื่อไทย โดย ศุภชัย เป็นลูกของ “นายกแป๊ะ” สายัณ นพขำ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกลาง ทำให้ฐานคะแนนค่อนข้างแน่น ดูผลจากการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี 62 ส.ส.เต๋าชนะคู่แข่งจากพรรคอื่นๆขาดลอย ได้รับคะแนนเสียงอันดับหนึ่งของจังหวัด ขณะ พลังประชารัฐ ส่ง“คิว อรุโณรส” นายกสมาคมกีฬาจักรยาน ปทุมธานีมาเทียบรัศมี และ ก้าวไกล ส่ง “สกล สุนทรวาณิชย์กิจ” คนหนุ่มไฟแรงมาท้าชิงเช่นกัน

เขต 3 เจ้าของเก้าอี้เดิมเป็นของ “อนาวิล รัตนสถาพร” จาก อนาคตใหม่ ขวัญใจนักศึกษาย่านรังสิต ได้รับแรงหนุนจนเบียดตัวเต็งจากเพื่อไทย อย่าง “สมศักดิ์ ใจแคล้ว” ไปไม่กี่พันคะแนน แต่การเลือกตั้ง 66 อนาวิล เปลี่ยนขั้วย้ายค่ายไปสังกัด ภูมิใจไทยมาลงรักษาตำแหน่ง ทำให้ ก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคใหม่หลัง อนาคตใหม่ถูกยุบพรรคเตรียมส่ง “ลูกเกด” ชลธิชา แจ้งเร็ว นักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เคยเดินนำหน้าม็อบ 3 นิ้ว ต้านรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มาชิงเก้าอี้คืน ขณะที่ เพื่อไทย ส่ง “จ่ายุทธ” ยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ ที่ปรึกษาพิเศษ “บิ๊กแจ๊ส” มาลงสนามนี้  ส่วน พปชร. ดัน “ยุทรวัตร หาญเกียรติกล้า” หนึ่งในทีมงาน “มีวันนี้เพราะพี่ให้” มาประลองในสนามนี้เช่นกัน

เขต 4 เจ้าของเก้าอี้เดิมเป็นของ “ชัยยันต์ ผลสุวรรณ” จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้แรงหนุนคนเสื้อแดงพื้นที่ตำบลประชาธิปัตย์ ธัญบุรี คูคต และลำลูกกาเอาชนะคู่แข่งมาได้ ครั้งนี้เลือกตั้ง 66 ถูกย้ายไปลงเขต 5 แทน โดยดึง“สุทิน นพขำ” หนึ่งในบ้านใหญ่เมืองปทุมฯ กลับมาลงการเมืองระดับชาติอีกครั้ง หลังลาเวทีไปนั่งรองนายกเทศบาลตำบลบ้านกลาง โดยมีพี่ชาย “นายกแป๊ะ”สายัณ นพขำ คอยให้การสนับสนุน มารักษาพื้นที่ ขณะ ก้าวไกล ส่ง“เชตะวัน เตือประโคน”คนหนุ่มรุ่นใหม่ อดีตสื่อสารมวลชน หัวหน้าข่าวประจำโต๊ะข่าวเฉพาะกิจ และโต๊ะข่าวหน้า 1 สังกัดย่านประชาชื่น มาท้าชน ด้าน พลังประชารัฐ ส่ง “เกียรติศักดิ์ ส่องแสง” อดีตส.ส.สังกัด ประชาธิปัตย์ และอดีตที่ปรึกษา “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน สมัยนั่งรัฐมนตรีแรงงาน ที่ก่อนหน้าย้ายค่ายไปเพื่อไทย ก่อนจะกลับมาขอซบ พปชร. เพื่อมาลงสนามเลือกตั้ง 66 ครั้งนี้

เขต 5 เจ้าของเก้าอี้เดิมเป็นของ  “ส.ส.ก้อย” พรพิมล ธรรมสาร สังกัดเพื่อไทย แต่ถูกพรรคจะมีมติขับออก โทษฐาน “งูเห่า” และย้ายไปซบภูมิใจไทย ครั้งนี้จึงลงรักษาเก้าอี้ในสังกัด ภูมิใจไทยแทน  ขณะที่เพื่อไทย ส่ง "ชัยยันต์ ผลสุวรรณ์" ที่ย้ายจากเขต 4 มาลงบดขยี้ชิงเก้าอี้กับแชมป์เก่า  ส่วนพลังประชารัฐ(พปชร.) ดัน “ปรีชา ชื่นชนกพิบูล” เลขานุการ อบจ. ปทุมธานี อีกหนึ่งทีมงาน “บิ๊กแจ๊ส” ที่ไม่สามารถเบียดลงในนามเพื่อไทยได้ต้องหันมาใช้บริการ พปชร.แทน ด้าน ก้าวไกล ส่ง “ไมค์ ลำลูกกา” ประสิทธิ์ ปัทมผดุงศักดิ์ มาชิมลางแย่งเก้าอี้อีกคน 

เขต 6 เจ้าของเก้าอี้เดิมเป็นของ “พิษณุ พลธี”(สามีก้อย) จาก ภูมิใจไทย ครั้งก่อนสามารถเบียด “สมชาย รังสิวัฒนศักดิ์” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองสนั่นรักษ์ จากเพื่อไทยเข้ามาได้ ครั้งนี้จะลงรักษาเก้าอี้ในนามภูมิใจไทยอีกครั้ง โดย เพื่อไทย ครั้งนี้ เปลี่ยนตัวหันมาใช้บริการของ "ชนภัทร นันทกาวงศ์" ลูกชายคนโต “รังสรรค์ นันทกาวงศ์” นายกเทศมนตรีเมืองบึงยี่โถ และทีมงาน “บิ๊กแจ๊ส” มาทวงเก้าอี้คืน ขณะ พลังประชารัฐ (พปชร.) ส่ง “วิรัช พยุงวงษ์” ที่ปรึกษาพิเศษ นายก อบจ. และเป็นหนึ่งในทีมคนรักปทุมของ “บิ๊กแจ๊ส” ลงแข่ง เรียกว่าเขตนี้ทีมงาน "บิ๊กแจ๊ส"ลงชนกันเองแบบเต็มๆ  ด้าน ก้าวไกล ส่ง “ทนายพิชัย” พิชัย ปิยะกาโส อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองสนั่นรักษ์ นามคณะก้าวหน้า มาลงสนามระดับชาติ ในครั้งนี้

เขต 7  เป็นพื้นที่ใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากการแบ่งเขตการเลือกตั้ง 66 พรรคการเมืองที่มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครมาแล้วมี พลังประชารัฐ (พปชร.) ที่เตรียมส่ง “กฤษณา วงศ์คำ” ทีมงาน “เสวก ประเสริฐสุข”อดีตนายก อบต.เชียงรากใหญ่ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มคนรักปทุม แต่ภายหลังแตกหักกับ "บิ๊กแจ๊ส" แยกตัวออกไป  ส่วนเพื่อไทย ยังไม่กำหนดตัวคนที่จะลงในสนามนี้ รวมถึงพรรคอื่นๆด้วย