ตร.แจง2ข่าวบิดเบือนการปฏิบัติหน้าที่ของ "คฝ."
รองโฆษกตร.แจง 2 ข่าวบิดเบือนการปฏิบัติหน้าที่ของคฝ.ในการชุมนุมวันที่ 5 ก.ย.64 ชี้วัยรุ่นพยายามขี่รถหลบหนีจนล้มเองไม่ได้ถูกจนท.ถีบ
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ANSCOP) ได้ตรวจสอบพบข้อมูลข่าวบิดเบือน 2 กรณีคือ
1. กรณีที่ปรากฎข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า “เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน พยายามบุกเข้าจับกุมกลุ่มวัยรุ่นที่ซ่อนตัวภายในอาคารเพชราวุธ ประชาชนที่อนู่ภายในพื้นที่จึงช่วยกันดันเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ ผู้สื่อข่าวพบว่าวัยรุ่นจำนวน 1 คน มีบาดแผลจากการทุบตีด้วยกระบองบริเวณเบ้าตา และอีก 1 คน ถูกทุบตีด้วยกระบอกปืนที่ศีรษะ”
ซึ่งกรณีดังกล่าวจากการตรวจสอบกับ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเป็นข้อมูลบิดเบือน เนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 64 เวลาประมาณ 21.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ. ได้เข้าคิดตามจับกุมผู้ชุมนุมที่หลับหนีเข้าไปบริเวณอาคารเพชราวุธ โดยเจ้าหน้าที่ คฝ. ไม่ได้มีการจับกุมผู้ชุมนุมเนื่องจากถูกประชาชนผลักดันออกมา และไม่มีเหตุผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บที่บริเวณดังกล่าวแต่อย่างใด
2. กรณีที่ปรากฎข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า “ช่วยน้องด้วยครับ โดน คฝ. ถีบทำให้เกิดเหตุชนกันหมดสติ ตอนนี้กำลังรับตัวไปรักษาโรงพยาบาลตำรวจ ช่วยน้องผมด้วยครับ ทำไมต้องถีบรถน้องผมด้วย #ม็อบ5กันยา”
ซึ่งกรณีดังกล่าวจากการตรวจสอบกับ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเป็นข้อมูลบิดเบือน
กรณีดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 64 เวลาประมาณ 21.30 น. บริเวณปากซอยบุญอยู่ แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ คฝ. ชุดเคลื่อนที่เร็วได้เข้ากระชับพื้นที่ และกลุ่มวัยรุ่น 3 คน ได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีและเสียหลักล้มเอง ไม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ คฝ. ถีบให้ล้มแต่อย่างใด ซึ่งสอดคล้องกับการสอบถามผู้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ว่าตนตกใจ เบรคกระทันหันและเสียหลักล้มเอง
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อีกทั้งขอให้ใช้ความระมัดระวังพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้อง
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ สามารถแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลการกระทำผิดผ่านสายด่วน ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ANSCOP) หมายเลข 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


