จบดราม่ากักตัวศาลาพักศพหน้าเมรุ เจ้าหน้าที่ยอมหนุ่มกู้ภัยไลฟ์สดกลับบ้าน
บุรีรัมย์-จบดราม่า! เจ้าหน้าที่ยอมหนุ่มกู้ภัยไลฟ์สดถูกกักตัวศาลาพักศพหน้าเมรุกลับบ้านแต่ต้องปฎิบัติตามมาตรการคุมโควิดเคร่งครัด นายกอบต.ชี้แจงที่ผ่านมาไม่เคยมีประเด็นปัญหา
กรณีผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ“ว่าที่สิบเอกจารุวงศ์นิลบรรพต”เป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งและเป็นอาสาสมัครกู้ภัยฯโพสต์ข้อความ พร้อมคลิปไลฟ์สดระบายความรู้สึกน้อยใจ ที่ผู้นำท้องถิ่น และชุมชนให้มากักตัวในศาลาพักศพ ซึ่งอยู่หน้าเมรุเผาศพในวัดแห่งหนึ่ง ที่ ต.ทุ่งกระเต็น อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ เพียงคนเดียวท่ามกลางความมืดสุดวังเวงและชวนขนหัวลุกทั้งที่รักษาโควิดหายแล้วและมีใบรับรองจากแพทย์ว่าให้กลับไปกักตัวที่บ้านได้แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเชื้ออย่างเคร่งครัดกลายเป็นกระแสดราม่าในโลกโซเชียล
ขณะที่นายบุญธรรม นนตานอก นายก อบต.ทุ่งกระเต็นชี้แจงว่า ปกติที่วัดแห่งนี้เปิดเป็นสถานที่กักตัวเพื่อเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 อยู่แล้วซึ่งมีเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยอยู่บริเวณหน้าศาลาการเปรียญ ห่างจากศาลาพักศพประมาณ 200 เมตร ส่วนสาเหตุที่ให้หนุ่มกู้ภัยฯ คนดังกล่าวไปกักตัวในศาลาพักศพ เนื่องจากศาลาการเปรียญซึ่งเป็นสถานที่กักตัวกลุ่มเสี่ยงก็จะมีกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดแต่ผลตรวจยังไม่ติดเชื้อ กักตัวอยู่แล้ว 6 คน และเมื่อไปดูสถานที่ที่บ้านก็ไม่เหมาะที่จะกักตัวที่บ้านได้เพราะไม่มีสถานที่ให้แยกกักตัวต่างหากก็เกรงว่าหากเชื้อยังไม่ตายอาจจะไปติดจึงได้หารือกับทาง รพ.สต.
"ก็ตกลงว่าให้ไปกักตัวที่ศาลาพักศพดังกล่าวเพื่อความปลอดภัยทั้งคนในครอบครัวและคนอื่นด้วย ซึ่งก็ได้ไปพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ป่วยก่อนแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่ผ่านมาช่วงแรกๆ ศาลาพักศพดังกล่าวก็เคยมีคนมากักตัวเพราะสถานที่ไม่เพียงพอ แต่ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นประเด็นดราม่า" นายบุญธรรม กล่าว
แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อเกิดกระแสทาง อบต.ก็ได้หารือ รพ.สต.ก็จะให้ผู้ป่วยกลับไปกักตัวที่บ้านตามความประสงค์ แต่ก็จะกำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเชื้อของทางกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
"เจ้าหน้าที่ก็ทำตามมาตรการไม่คิดว่า ความหวังดี จะถูกมองว่าประสงค์ร้าย" นายบุญธรรม กล่าว


