ราเมศ ชี้ พรบ.คำสั่งเรียก เป็นอีกประเด็นที่ต้องทบทวน หากตั้งสสร.

เมื่อวันที่ 10 ตค. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้ 3 มาตรา ของ พรบ.คำสั่งเรียกของ กมธ มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันรัฐสภา เคารพคำวินิจฉัยของศาลที่เห็นว่ากฎหมายดังกล่าวมี 3 มาตรา มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มีประเด็นที่ต้องช่วยกันคิดต่อคือทำอย่างไรให้ คณะกรรมาธิการ เกิดความศักดิ์สิทธิ์ในการใช้อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติส่วนหนึ่ง

อำนาจทั้งสามฝ่าย ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ ถือว่าเป็นสามอำนาจที่สำคัญ ขณะนี้ ฝ่ายบริหารมีมาตรการอยู่หลายกรณีหากมีการไม่ทำตามคำสั่งก็จะมีโทษทางอาญา ส่วนฝ่ายตุลาการมีมาตรการหากไม่ให้ความร่วมมือเมื่อมีหมายนัดก็จะมีโทษทางอาญา ฝ่ายนิติบัญญัติขณะนี้เมื่อกฎหมายคำสั่งเรียกมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โทษในทางอาญาก็หมดไป มาตรการของฝ่ายนิติบัญญัติจึงดูเหมือนใครจะร่วมมือจะมาหรือไม่มาก็ได้ การทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการก็อาจจะเป็นปัญหาได้หากผู้ปฏิบัติละเลยความสำคัญของฝ่ายนิติบัญญัติ เช่นเรื่องที่เดือดร้อนของประชาชน คณะกรรมาธิการเชิญข้าราชการมาให้ข้อมูล หากไม่มีใครให้ความร่วมมือเลยก็ยากที่จะทำงานให้เกิดประโยชน์กับประชาชนได้

แต่ขณะนี้ต้องย้ำว่าคณะกรรมาธิการก็มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 ที่ให้เชิญบุคคลหรือเรียกเอกสารได้ แต่หากคนที่ถูกเชิญไม่ให้ความร่วมมือก็คงจะไปเอาผิดบุคคลนั้นไม่ได้แต่ไม่เป็นอุปสรรคถึงขั้นทำอะไรไม่ได้เลย หากเชิญอธิบดี อธิบดีขัดขืนไม่ให้ความร่วมมือก็คงเอาผิดได้เฉพาะความผิดทางวินัยที่ไม่ให้ความร่วมมือตามคำเชิญของฝ่ายนิติบัญญัติที่ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ

ทุกอย่างอยู่ที่ผู้ปฏิบัติ ทั้งผู้เชิญและผู้ที่ถูกเชิญ หากยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศ ปฏิบัติโดยยึดหลักซื่อสัตย์สุจริต ทุกอย่างก็เดินไปได้ แต่ถ้าคณะกรรมาธิการทำหน้าที่ไม่ตรงไปตรงมา กฎหมายจะดีอย่างไร ก็ไม่มีประโยชน์

ประเด็นเรื่องนี้ หากมีการตั้ง สสร. ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องมาทบทวน เพื่อให้คณะกรรมาธิการได้มีอำนาจในการทำงานให้กับประชาชนและประเทศอย่างเต็มที่มากขึ้น