สยบไพรีค้นบ้านเครือข่ายเฮโรอีนไต้หวันทำทีเข้าไทยซื้อของฝาก
สยบไพรีบุกค้นบ้านพักเครือข่ายส่งออกเฮโรอีนข้ามชาติ เผยพฤติการณ์ไต้หวันเข้าไทยทำทีซื้อของฝากกลับบ้าน
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม เวลา 06.00น.พล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์ ผบก.ปส.1 พร้อม พ.ต.อ.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบก.ปส.1,พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3,พ.ต.อ.ยุทธนา บุญเมือง ผกก.2 ปส.1, พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น ผกก.ปพ.บช.ปส. นำกำลังชุดสยบไพรี นำตัวนายเป็นไทย คำหอม ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดียาเสพติดที่เพิ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ได้ที่บริษัทขนส่งพัสดุเอกชน ย่านห้วยขวาง กทม.เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยานายเป็นไทย พบมีผู้อาศัยเป็นผู้ใหญ่ 8 คน เด็ก 1 คน เจ้าหน้าที่จึงเชิญให้มานั่งรวมกัน ก่อนที่ชุดสยบไพรีจะขึ้นไปตรวจค้นชั้นบนของบ้าน พบเอกสารหลักฐาน และสมุดบัญชีธนาคาร จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
พล.ต.ต.กฤษณ์ กล่าวว่า การตรวจค้นวันนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อมูลว่านายเป็นไทย มีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้าเฮโรอีนข้ามชาติ โดยทำหน้าที่เป็นคนคอยรับ-ส่งชาวไต้หวัน และจีน ซึ่งเป็นตัวการสั่งยาเสพติด รวมถึงนำยาเสพติดไปส่งให้กับกลุ่มคนที่มีหน้าที่บรรจุยาเสพติดใส่ในกระป๋องแป้ง และบางส่วนก็ใส่ในซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพื่อที่จะส่งต่อไปยังประเทศไต้หวัน
จากการสอบสวนนายเป็นไทย ให้การยอมรับว่า รู้จักกับนายคิด ทวีอภิรดีบำรุง ผู้ต้องหาในเครือข่ายอีกคน จากการเล่นฟุตบอลมานานกว่า 1 ปี แต่ปฎิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมารับว่าจ้างจากนายคิด ให้ไปรับส่งคนจีน พร้อมล้อรถยนต์ จากหมู่บ้านย่านรามคำแหง ไปยังหมู่บ้านย่านลาดกระบัง ก่อนไปส่งต่อที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยได้รับค่าจ้าง 200,000 บาท
นายเป็นไทยยังอ้างว่าตนรู้สึกสงสัยอาจจะเป็นสิ่งของผิดกฎหมาย จึงนำคนและล้อรถไปส่งทิ้งไว้ที่โรงแรมเท่านั้น ทำให้ไม่ได้รับค่าจ้างเนื่องจากทำงานไม่สำเร็จ และก็ไม่เคยติดต่อกับนายสมคิดอีกเลย จนกระทั่งมาถูกตำรวจจับกุม
พล.ต.ต.กฤษณ์ กล่าวว่า แม้ผู้ต้องหาจะปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ก็มั่นใจหลักฐาน เนื่องจากแนวทางการสืบสวนพบว่าผู้ต้องรายนี้ก่อเหตุมาแล้วนับ 10 ครั้งในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา พบเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 10 ล้านบาท โดยพฤติกรรมของเครือข่ายนี้ จะนำเฮโรอีนซุกซ่อนในล้อรถยนต์ส่งมาจาก จ.เชียงราย มาพักไว้ในกรุงเทพมหานคร โดยนายเป็นไทย จะทำหน้าที่รับส่งล้อรถที่บรรจุเฮโรอีนไปบ้านย่านรามคำแหง ซึ่งมีนายวิเชียร แซ่อู๋ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ เป็นผู้รับเฮโรอีนไปแพ็คหีบห่อซุกซ่อนใส่ในกระป๋องแป้ง และซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วจะมีชาวไต้หวัน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อรับกระป๋องเเป้งและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดยทำทีเป็นซื้อของฝากจากไทย ก่อนนำขึ้นเครื่องบินไปยังปลายทางประเทศไต้หวัน