แฉพ่อค้าตัวการยุเรือประมงพื้นบ้านจับหอยคอกเลี้ยง-สุราษฎร์ฯทัพเรือภาค2สั่งงดรับซื้อ
สุราษฎร์ธานี-แฉพ่อค้ารับซื้อหอยแครงตัวการขนคนจากต่างจังหวัดลุยจับหอยคอกเลี้ยง ทัพเรือภาค 2 และจังหวัดสุราษฎร์ฯสั่งให้งดรับซื้อหอย
ความคืบหน้ากรณีเรือชาวประมงพื้นบ้านกว่า 300 ลำ เข้าไปตักเก็บลูกหอยแครงในพื้นที่เพาะเลี้ยง ท้องที่บ้านคลองราง หมู่ 2 ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี จนเกิดเหตุการณ์นายสันติ นวลเสน อายุ 29 ปี เจ้าของเพิ่งใช้เงิน 2,200,000 บาทซื้อลูกหอยจากชาวบ้านที่จับมาจากเขต 1,000 เมตรมาลงเพาะเลี้ยงเมื่อวันที่ 25 พ.ค.63ใช้อาวุธปืนไล่ยิงให้ออกนอกพื้นที่อ้างว่า ขอร้องชาวบ้านไม่ให้เข้าเก็บทั้งที่ซื้อมาจากชาวบ้านเองแต่ไม่มีใครฟัง
ล่าสุดวันนี้ (11มิ.ย.63) บรรยากาศที่อ่าวบ้านดอน ยังคงมีชาวบ้านนำเรือประมงพื้นบ้านกว่า 200 ลำจอดเรือรอที่จะเข้าไปตักเก็บลูกหอยแครง แต่จำนวนน้อยลงจากเมื่อวานนี้ ขณะที่ฝั่งผู้ประกอบการเพาะเลี้ยง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้เฝ้าสังเกตการณ์ไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปจับหอยแครงในคอกเพาะเลี้ยงของผู้ประกอบการที่ได้รับการผ่อนปรนและอยู่นอกเขต 1,000 เมตร ซึ่งผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงได้นำเรือมาจอดลอยกางเต็นท์นอนเฝ้าคอกหอยทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อป้องกันทรัพย์สินที่ลงทุนซื้อหอยมาเลี้ยงไว้
ต่อมา นายสิทธิชัย ไทยเจริญ นายอำเภอพุนพิน พร้อมนายสมชาย รักเดช ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน และกำลัง อ.ส.จำนวนหนึ่งมาดูแลความความสงบเรียบร้อยในพื้นที่เพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อนขึ้นอีก
นายสมชาย รักเดช ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเมื่อวานนี้ทำให้บรรยากาศในอ่าวบ้านดอน ตึงเครียดกลัวจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ทางฝ่ายปกครองจึงลงมาควบคุมสถานการณ์ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการเลี้ยงหอยได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากชาวเรือประมงพื้นบ้านที่มาจับหอยแครงไม่เข้าใจนโยบายจังหวัด โดยคิดว่าเข้าไปเก็บหอยได้ทุกคอกซึ่งชาวบ้านเหล่านี้ควรจะเข้าใจ แต่ความเป็นจริงแล้วมีชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่เพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น นอกนั้นเป็นคนนอกพื้นที่หรือมาจากต่างจังหวัดโดยมีพ่อค้ารับซื้อลูกหอยแครงพามาจำนวนมากเพื่อตัดราคากันเอง
“ สำหรับบริเวณอ่าวบ้านดอน มีความจำเป็นต้องมีผู้ประกอบการเลี้ยงหอย เนื่องจากหากไม่มีการจัดการที่ดีเช่นจะต้องมีการทำความสะอาดคอกหอยอยู่เป็นประจำ และเมื่อถึงฤดูน้ำหลากจะมีการย้ายลูกหอยเข้าไปในทะเล แต่หากฤดูน้ำเค็มจัดก็จะย้ายลูกหอยกลับมาที่เดิมจึงจะมีลูกหอยเกิดขึ้นมาในพื้นที่อย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้ ไม่ใช่จะจ้องเข้ามาตักไปขายกันอย่างเดียว ” นายสมชาย กล่าว
ข่าวแจ้งว่า หลังจากเรือชาวประมงพื้นบ้านจอดลอยลำดูท่าทีอยู่ระยะหนึ่ง จู่ๆเป็นที่น่าสังเกตว่าชาวบ้านบางส่วนได้นำเรือประมงพื้นบ้านแล่นกลับไปยังฝั่งเขตอ.เมือง หลังจากช่วงแรกเหมือนมีการรออะไรบางอย่างคาดว่าเป็นพวกพ่อค้ารับซื้อหอยจะให้สัญญาณเข้าไปจับหอยแครงในบริเวณใดและรับซื้อกันในทะเล แต่เมื่อทราบมีนายอำเภอพุนพินและกำลังฝ่ายปกครองลงมา และมีการประกาศให้งดรับซื้อหอยจึงให้สัญญาณนำเรือกลับไปก่อน
วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมด่านศุลกากรบ้านดอน อ.เมืองสุราษฎร์ธานี พลเรือโทสำเริง จันทร์โส ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล(ศรชล.)ภาค 2 และผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ประชุมร่วมกับนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง
นายวิชวุทย์ กล่าวว่า ทางจังหวัดได้จัดกำลังลงพื้นที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย โดยหลังจากพรุ่งนี้(12มิ.ย.63)จะมีกำลังของ ศรชล.ภาค 2 และกอ.รมน.จังหวัดมาร่วมบูรณาการด้วย และอยากขอความร่วมมือให้ทุกฝ่ายในการอยู่ด้วยกันด้วยความสงบสุขและใช้ประโยชน์ร่วมกันในระยะ 3 ไมล์ทะเล
พลเรือโทสำเริง กล่าวว่า ได้ลงมาติดตามที่สังการไว้สัปดาห์ก่อนเรื่องการเตรียมรื้อขนำ ขอให้มีการทำความเข้าใจกันก่อนทั้งชาวประมงพื้นบ้านและผู้ประกอบการ ซึ่งเหตุเมื่อวานสะท้อนถึงความรุนแรงในพื้นที่ทาง ศรชล.ไม่อยากให้เกิดเช่นนี้อีกและคาดว่าจะไม่เกิดแล้ว โดยเรือประมงพื้นบ้านที่เข้ามาทำในพื้นที่มาจากจังหวัดอื่นๆที่เข้ามาและช่วงนี้ให้ผู้ประกอบการงดรับซื้อหอยไปก่อนจะลดตรงนี้ไปได้
ด้านนายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เรื่องการชะลอรับซื้อหอยไม่ได้เป็นคำสั่งจังหวัด โดยเมื่อวานทางจังหวัดได้เชิญประชุมผู้นำกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่มีคอกหอยเพื่อหาทางยุติปัญหา ซึ่งเห็นพ้องกันว่า จะไปขอร้องให้ผู้ประกอบการชะลอการรับซื้อหอยไประยะหนึ่งจะเป็นการชะลอให้คนที่มาจากภายนอกไม่สามารถขายหอยได้และจะได้กลับภูมิลำเนา ซึ่งเป็นข้อเสนอจากผู้นำในพื้นที่ในที่ประชุม
ข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้พบมีเฟซบุ๊กของพ่อค้ารับซื้อบางรายได้แจ้งให้เรือชาวประมงพื้นบ้านเข้าไปจับหอยในอ่าวบ้านดอน ท้องที่ ต.บางชนะ ต.คลองฉนาก อ.เมือง และ ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน โดยพ่อค้าเหล่านี้ใช้เรือหางยาวออกไปรับซื้อบรรทุกถึงในทะเล และหลังมีการรื้อถอนหลักไม้ไผ่ในเขต 1,000 เมตรเป็นพื้นที่สาธารณะปรากฏมีชาวบ้านต่างถิ่นหลายจังหวัด เช่น จ.นครศรีธรรมราช , สตูล เพชรบุรี , สมุทรสงคราม , สมุทรสาคร เป็นต้น เข้ามาพักอยู่ในพื้นที่ลงเรือออกไปจับหอยทำให้ปริมาณลูกหอยในเขต 1,000 เมตรลดลงอย่างรวดเร็วและมีการยุยงจากบุคคลให้เข้าไปจับในเขตเพาะเลี้ยง อ.พุนพิน จนเกิดปัญหาบานปลาย


