posttoday

ชุมชนสามยอด ต้นแบบชุมชนปลอดโจร

22 พฤศจิกายน 2553

การสร้างชุมชนต้นแบบในรูปแบบของ Community Policing ที่สามารุแก้ปัญหาอาชญากรรมได้กำลังทยอยเกิดขึ้น และจะเป็นรูปธรรมเต็มรูปแบบก่อนสิ้นปีนี้ในชื่อของ “ชุมชนสามยอด”

การสร้างชุมชนต้นแบบในรูปแบบของ Community Policing ที่สามารุแก้ปัญหาอาชญากรรมได้กำลังทยอยเกิดขึ้น และจะเป็นรูปธรรมเต็มรูปแบบก่อนสิ้นปีนี้ในชื่อของ “ชุมชนสามยอด”

โดย...วัลยศ งามขำ

ทฤษฎีการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบใหม่ของอเมริกากำลังถูกตำรวจสอบสวนกลางถอดแบบนำมาปรับใช้ในบ้านเรา และหนึ่งในนั้นคือทฤษฎี Community Policing หรือ “ตำรวจผู้รับใช้ชุมชน” ซึ่งเป็นรูปแบบที่แตกต่างกันกับตำรวจชุมชนสัมพันธ์ที่เรารู้จักกันในอดีต และนั่นจึงเป็นที่มาของ “ชุมชนสามยอด” หรือชุมชนต้นแบบที่ปลอดปัญหาอาชญากรรมที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ที่สำคัญภารกิจครั้งนี้พลาดไม่ได้ที่จะมี “จ่าเฉย” หุ่นตำรวจสุดฮอตเข้าร่วมทำหน้าที่ด้วย

พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ที่ประสบความสำเร็จกับการนำทฤษฎีพฤติกรรมศาสตร์มาใช้ในเมืองไทย ล่าสุดเพิ่งสร้างความฮือฮาด้วยการสั่งให้จ่าเฉยกลับมาทำงานอีกครั้ง เพราะเป็นคนที่เชื่อว่า “ตำรวจชุมชนสัมพันธ์” ที่บรรดาโปลิศทั่วไทยเคยใช้มาโดยตลอดนั้น เป็นความเชื่อที่ผิด และไม่สามารถลดปัญหาอาชญากรรมได้แต่สำหรับเขาไม่ใช่ กลับเห็นว่าการสร้างชุมชนต้นแบบในรูปแบบของ Community Policing สามารถแก้ปัญหาได้ จึงกำลังทยอยเกิดขึ้น และจะเป็นรูปธรรมเต็มรูปแบบก่อนสิ้นปีนี้ในชื่อของ “ชุมชนสามยอด”

ชุมชนสามยอด ต้นแบบชุมชนปลอดโจร พล.ต.ท.พงษ์พัฒน์

พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ บอกว่า เดิมตำรวจใช้ตำรวจชุมชนสัมพันธ์เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน ด้วยการส่งวงดนตรีเข้าไปเล่น หรือเข้าไปแสดงกิจกรรมต่างๆ ในหมู่บ้านที่เป็นเป้าหมายว่ามีปัญหาอาชญากรรม หรือยาเสพติด แต่เมื่อเข้าไปแล้วก็กลับออกมาโดยที่ไม่ได้รับฟังปัญหาจากชาวบ้านหรือเสนอแนวทางแก้ไข

ปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้หมดสิ้นไปอย่างเป็นรูปธรรม แล้วก็รายงานไปยังผู้บังคับบัญชาว่า ได้เข้าไปจัดการปัญหาในรูปแบบตำรวจชุมชนสัมพันธ์เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ปัญหาจริงยังถูกหมักหมมอยู่

“ผมนำทฤษฎี Community Policing หรือที่ผมเรียกว่า ตำรวจผู้รับใช้ชุมชนมาใช้ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นตำรวจอยู่โรงพักบางขุนนนท์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ให้ตำรวจเข้าไปอยู่ร่วมกับชุมชนเลย พร้อมทั้งรับฟังปัญหาและให้เขาเสนอแก้ปัญหาด้วยตัวของเขาเอง และผมก็คิดว่าประสบผลสำเร็จ เพราะทุกวันนี้ยาเสพติดหายไปจากชุมชน” เขากล่าวถึงความสำเร็จที่ทดลองมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเขาเรียกมันว่า “บางขุนนนท์ โมเดล”

พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ขยายถึงแนวความคิดที่จะก่อตั้งชุมชนสามยอด โดยการนำบางขุนนนท์ โมเดล มาปัดฝุ่นอีกครั้งเพื่อเป็นเข็มทิศนำทางว่าเมื่อ 400 ปีก่อนเกิดระบบตำรวจขึ้น ทำให้ตำรวจกับประชาชนแบ่งแยกกันออกไป ตำรวจคือตำรวจ ประชาชนคือประชาชน เมื่อเป็นแบบนี้อาชญากรรมก็สูงขึ้น เพราะประชาชนมองว่าอาชญากรรมต้องแก้ด้วยตำรวจ ต่อมาตำรวจต้องการหยุดอาชญากรรมก็เอาเทคโนโลยีมาใช้ และบอกว่ามีอะไรให้แจ้งตำรวจ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ประชาชนแยกตัวออกไปจากตำรวจมากยิ่งขึ้น

การจะแก้ปัญหาอาชญากรรมที่ดีได้ ประชาชนกับตำรวจต้องอยู่ร่วมกัน นั่นคือตำรวจคือประชาชน และประชาชนก็คือตำรวจ งานวิจัยชิ้นหนึ่งของอเมริกาชี้ว่า การเอารถยนต์สายตรวจวิ่งตรวจไปตามถนนไม่ได้มีส่วนในการลดปัญหาอาชญากรรม และยิ่งทำให้ชาวบ้านเกิดความรู้สึกว่าคนกับตำรวจแยกออกจากกันมากขึ้น เพราะตำรวจสอดส่องแต่คนผิดอย่างเดียว แต่ไม่ได้ดูแลชาวบ้านที่เดินถนนทั่วไป ดังนั้น ทฤษฎีตำรวจผู้รับใช้ชุมชนจึงคิดอีกแบบหนึ่ง โดยเน้นไปที่การให้ความสำคัญของคนและใช้เทคโนโลยีเป็นเพียงผู้ช่วยเท่านั้น

ชุมชนสามยอด ต้นแบบชุมชนปลอดโจร

“ผมจะใช้ตำรวจกองปราบปรามเป็นหลักในการเข้าไปสร้างชุมชนสามยอด เนื่องจากต้องการกู้ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของตำรวจกองปราบปรามที่ก่อนหน้านี้เสียความน่าเชื่อถือไปในคดี “ยุทธตู้เย็น” ที่หน่วยคอมมานโดไปยิงถล่มบ้านสองตายายที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากเชื่อว่าเป็นแหล่งพักยาบ้า และอีกคดีหนึ่งคือคดีอุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตรที่มีตำรวจกองปราบฯ หลายนายตกเป็นผู้ต้องหา”

เขาบอกว่า ชุมชนสามยอดจะถูกจัดตั้งขึ้นทั่วประเทศ โดยให้ผู้กำกับการ 1-6 กองปราบปรามที่รับผิดชอบพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นคนคัดเลือกชุมชนเองจังหวัดละประมาณ 10 ชุมชน ยกเว้นกรุงเทพฯ ที่ต้องทำเขตละ 1 ชุมชน โดยชุมชนแต่ละแห่งที่ได้รับคัดเลือกเป็นชุมชนสามยอดนั้น จะมีตำรวจเข้าไปอยู่ในชุมชนแห่งละ 2 นาย ก่อนลงพื้นที่จะต้องมีการสำรวจความคิดเห็น จากนั้นตำรวจจะต้องเข้าไปอยู่ประจำโดยเช่าบ้านในชุมชนนั้นๆ อาจจะค้างคืนบ้าง หรือไม่ค้างก็ได้ แต่ต้องอยู่ทุกวัน

“ตำรวจที่เข้าไปจะต้องไปยืนปรากฏตัวให้ชาวบ้านเห็นเป็นประจำในจุดเดิม และต้องเข้าไปสร้างความสัมพันธ์ด้วยการพูดคุย ในช่วงแรกชาวบ้านอาจจะไม่ค่อยกล้าที่จะพูดคุยด้วย แต่อยู่ไปสักระยะเมื่อคุ้นเคยชาวบ้านก็จะชอบ เหมือนกับที่เคยทำสำเร็จมาแล้วตามบางขุนนนท์ โมเดล”

นายตำรวจคนดังบอกว่า เมื่อทำไปราว 3 เดือนก็จะมีการประเมินผลครั้งแรก หากชาวบ้านเริ่มเชื่อมั่นตำรวจที่เข้าไปอยู่แล้ว ก็จะมีการรวมตัวกันเพื่อสรุปถึงปัญหาที่มีอยู่ในชุมชนและให้ชาวบ้านเสนอแนวทางแก้ปัญหานั้นๆ ด้วยตัวเอง ตามหลักการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่พลิกผันไปตามแนวทางของชุมชน หรือ Community Oriented Policing and Problem Solving (COPPS) ตามที่ตำรวจอเมริกาเคยใช้และประสบความสำเร็จมาแล้ว

ชุมชนสามยอด ต้นแบบชุมชนปลอดโจร

นอกจากนั้น พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ยังมีไอเดียที่จะนำ “จ่าเฉย” เข้าไปอยู่ในชุมชนสามยอดด้วย โดยจะให้ จ่าเฉยเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถทดสอบการบังคับใช้กฎหมายของตำรวจ และเป็นสิ่งหนึ่งที่ตำรวจในอเมริกาและยุโรปใช้กันอย่างแพร่หลาย เป็นการใช้สัญลักษณ์ของตำรวจกระตุ้น เพื่อดูความรู้สึกของคนในชุมชนและสามารถดูได้ว่าในชุมชนนั้นต่อต้านการบังคับใช้กฎหมายหรือไม่ เช่น ถ้าหุ่นตำรวจอาจจะถูกทำลาย หรือขีดเขียนข้อความ ก็สามารถที่จะสื่อได้ว่าในชุมชนนั้นมีกลุ่มคนที่เป็นอาชญากรที่ไม่ชอบตำรวจอยู่ด้วย

“ในต่างประเทศจะใช้ภาพถ่ายเป็นสื่อในการทดสอบการบังคับใช้กฎหมาย การที่ไทยมีจ่าเฉยถือเป็นปรากฏการณ์แรกในโลก ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนที่จะมีการใช้ “หุ่น” มาเป็นเครื่องมือของทฤษฎีนี้ จริงๆ แล้ววิธีการนี้เป็นวิธีที่ดีมาก ผมจะเอาเข้าไปอยู่ในชุมชนด้วย”

อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูชุมชนสามยอดจะทำให้อาชญากรรมในชุมชนลดลงได้หรือไม่ ที่สำคัญตำรวจต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนด้วยการเป็นผู้รับใช้ชุมชน คือต้องเป็นมิตรแท้ที่เขาไว้ใจได้ในทุกเวลานาที!!!!

ข่าวล่าสุด

มติสมช.ย้ำจบปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องคุยกันระดับทวิภาคี