ป.4ถูกเพื่อนยิงอาการดีขึ้น ผอ.โรงเรียนรับเป็นเหตุสุดวิสัย

นครราชสีมา – ป.4ที่ถูกเพื่อนขโมยปืนพ่อยิง อาการดีขึ้น ผอ.โรงเรียนรับเป็นเหตุสุดวิสัยเพราะมีนักเรียนมากวางมาตรตรวจกระเป๋านักเรียนเข้ม

กรณีเด็กนักเรียนชาย ชั้น ป.4 โรงเรียนสุขานารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นำปืนพกออโตเมติก ขนาด 9 มม. ของบิดามาเล่นในโรงเรียน แล้วเกิดพลาดทำปืนลั่นใส่เพื่อนนักเรียนชายชั้นเดียวกัน กระสุนเข้าที่บริเวณใต้ราวนมด้านขวา ทะลุหลังด้านซ้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนต้องนำส่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อทำการผ่าตัด เหตุเกิดเมื่อวันที่3 ม.ค.2563

วันนี้ (4ม.ค.2563) นักเรียนชายที่ถูกยิง ยังพักรักษาตัวอยู่ในห้องพักฟื้นผู้ป่วยฉุกเฉิน ชั้น 5 อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา แพทย์ระบุว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว และมีอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่เนื่องจากกระสุนปืนได้ทะลุปอดและกระบังลมเฉี่ยวตับและทะลุกระเพาะอาหาร ส่วนที่ทะลุปอดได้ใส่สายระบายเลือดและเย็บซ่อมกระบังลม ตับ และกระเพาะอาหาร และได้ตัดม้ามออกเพื่อรักษาชีวิตน้องเอาไว้ แต่ต้องยังเฝ้าระวังอาการติดเชื้ออย่างใกล้ชิด และยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยม นอกจากผู้ปกครองเท่านั้น ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาไม่น้อยกว่า 1 เดือน

ด้าน นายเดชา รวมใหม่ ผู้อำนวยการโรงเรียนสุขานารี เปิดเผยว่า นักเรียนชายชั้นป.4ที่ถูกเพื่อนร่วมชั้นทำปืนลั่นใส่แพทย์ ร.พ.มหาราชนครราชสีมา ออกมายืนยันว่า เด็กพ้นขีดอันตรายแล้ว ทั้งนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงที่โรงเรียนได้จัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรเนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งโรงเรียนมีเด็กนักเรียนทั้งหมด 2,883 คน โดยช่วงเวลา 08.00-10.00 น. ทางโรงเรียนได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 100 รูปมารับบิณฑบาต ข้าวสารอาหารแห้ง หลังจากกิจกรรมเสร็จสิ้นเด็กนักเรียนก็ทยอยเดินเข้าห้องเรียน ซึ่งจะเดินเป็นแถวโดยมีครูประจำชั้นเดินคอยดูแลอยู่ด้วย แต่ด้วยความที่มีเด็กนักเรียนจำนวนมาก ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นบ้าง ระหว่างนั้นจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น โดยที่ครูไม่ทันได้สังเกตเห็นเด็กถืออาวุธปืนมาเล่นกัน

ทั้งนี้ตนเองก็ขอชี้แจงกับผู้ปกครองทุกคนว่า โรงเรียนมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเบื้องต้นอยู่แล้ว โดยสุ่มตรวจกระเป๋านักเรียนทุกวัน แต่กรณีนี้เป็นเหตุการณ์สุดวิสัยที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาในโรงเรียนเลย เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วทางโรงเรียนสุขานารี ก็จะนำมาเป็นบทเรียนเพื่อที่จะเพิ่มมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดขึ้นอีก โดยจะสุ่มตรวจกระเป๋านักเรียนที่มีขนาดใหญ่เกือบทุกคน รวมทั้งจะได้มีการประชุมผู้ปกครองนักเรียน เพื่อขอความร่วมมือให้ตรวจสอบกระเป๋าบุตรหลานของตนเอง และเก็บอาวุธต่างๆ เช่น ปืน และมีด เป็นต้น ให้ห่างไกลจากบุตรหลาน เพื่อป้องกันไม่ให้นำมาก่อเหตุอันตรายได้เช่นกรณีนี้อีก.