posttoday

"เทพไท" ค้าน "ธนาธร"ปลุกม็อบ หวั่น เกิดความขัดแย้งที่รุนแรง

14 ธันวาคม 2562

"เทพไท" ไม่เห็นด้วย ธนาธรนัดชุมนุม หวั่น เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงได้ แนะ ใช้ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในสภาจะเหมาะสมกว่า

"เทพไท" ไม่เห็นด้วย ธนาธรนัดชุมนุม หวั่น เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงได้ แนะ ใช้ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในสภาจะเหมาะสมกว่า

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ facebook live กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ประกาศนัดชุมนุมทางการเมือง ที่สกายวอล์ค ปทุมวัน ว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวนอกสภาของพรรคอนาคตใหม่ แม้ว่านายธนาธร จะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการเป็น ส.ส.แล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงสถานะความเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่อยู่ และยังมี ส.ส.ในสังกัดของพรรคอีก80คน น่าจะใช้การเคลื่อนไหวการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรก่อน จะเหมาะสมกว่าการเคลื่อนไหวนอกสภา เพราะการเคลื่อนไหวการเมืองนอกสภา อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายในสังคมไม่ต้องการ เพราะสังคมไทยควรจะก้าวผ่านความขัดแย้ง และการชุมนุมของกลุ่มเสื้อสีต่างๆได้แล้ว เราเคยมีบทเรียนและประสบการณ์การเคลื่อนไหวบนท้องถนนมา ตั้งแต่ม็อบเสื้อเหลือง ม็อบเสื้อแดง ม็อบหลากสี หรือม็อบนกหวีด จนถึงวันนี้สังคมก็คงไม่อยากเห็นม็อบเสื้อสีส้มอีกครั้ง ทุกคนในสังคมอยากจะก้าวข้ามความขัดแย้งเพราะความขัดแย้งในสังคม ทำให้สังคมไทยเสียโอกาส จมปลักอยู่กับความขัดแย้งเดิมๆ ที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานับสิบๆปีแล้ว เป็นการทำลายโอกาสของทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ซึ่งมีผลกระทบต่อคนไทยทุกคนและสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างมหาศาล วันนี้อย่าปล่อยให้ใคร หรือกลุ่มการเมืองใด จับเอาประเทศไทยเป็นตัวประกันทางการเมืองต่อไปอีกเลย

นายเทพไท กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันถอดสลักความขัดแย้งทางการเมืองออกไป ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เคยออกมาเตือนให้ระวังความขัดแย้งรอบใหม่จะเกิดขึ้น ด้วยเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับปี2560 และวันนี้ได้เป็นจริงตามที่ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ ซึ่งความขัดแย้งรอบใหม่นี้ เกิดขึ้นจากปัจจัย2ประการคือ1.เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญปี60 ในประเด็นของที่มาในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา และการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาล 2.เกิดขึ้นจากตัวพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ที่เปลี่ยนสถานะตัวเองจากคนกลาง มาเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง ด้วยปัจจัย2ข้อนี้ อาจนำไปสู่การขัดแย้งในสังคมรอบใหม่ได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องถอดสลักความขัดแย้งออกไปก่อน ด้วยการเร่งผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายในสังคม ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และในตอนนี้ญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหา และแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย