อดีตหน.ชุดอส.พิทักษ์ป่าเขาภูหลวงจี้สอบคดีตัดไม้หวงห้ามในพื้นที่สปก.
นครราชสีมา –อดีตหัวหน้าชุดอส.พิทักษ์ป่าเขาภูหลวงจี้หน่วยพยัคฆ์ไพรตรวจสอบไม้หวงห้ามกว่า200ท่อนหวั่นถูกขบวนการลักลอบตัดไม้สวมตอ
นครราชสีมา –อดีตหัวหน้าชุดอส.พิทักษ์ป่าเขาภูหลวงจี้หน่วยพยัคฆ์ไพรตรวจสอบไม้หวงห้ามกว่า200ท่อนหวั่นถูกขบวนการลักลอบตัดไม้สวมตอ
กรณีเมื่อวันที่ 5 ส.ค.62 นายพีระพงษ์ สนองชาติ ปลัดอำเภอปักธงชัย ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง บุกยึดท่อนไม้หวงห้ามขนาดใหญ่ จำนวนกว่า 200 ท่อน ที่ถูกตัดและนำมาไว้ในไร่มันสำปะหลัง บริเวณหมู่บ้านหนองนกเขียน หมู่ที่ 10 ต.ภูหลวง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พร้อมกับยึดไม้ พร้อมเครื่องจักรหลายรายการ อาทิ รถเครน รถบรรทุก 10 ล้อ และเลื่อยยนต์ตัดไม้ขนาดใหญ่ ไว้เป็นของกลาง ซึ่งช่วงที่กำลังบุกยึดนั้น อยู่ระหว่างจะลำเลียงไม้เหล่านั้นออกไปขายนอกพื้นที่ แต่ในเวลาต่อมาอำเภอปักธงชัยได้คืนของกลางให้กับเจ้าของที่ดินอ้างว่าเจ้าของที่ได้นำโฉนดที่ดินมายืนยันว่า เป็นไม้ที่ปลูกในพื้นที่ดินดังกล่าว ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 40 ไร่ และนำเอกสารหลักฐาน รวมทั้งใบอนุญาตตัดไม้หวงห้ามอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
นายปัญญาวัฒน์ ศุภลักษณ์ อดีตหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ อาสาสมัครพิทักษ์รักษ์อุทยานแห่งชาติ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าเขาภูหลวง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า กรณีการบุกยึดท่อนไม้หวงห้ามครั้งนี้สังเกตเห็นว่ามีสิ่งผิดปกติหลายประการ ประการแรก ในพื้นที่บริเวณรอบป่าเขาภูหลวงยืนยันว่าไม่เคยพบเห็นแปลงปลูกต้นไม้หวงห้ามขนาดใหญ่เช่นนี้มาก่อน ประการที่ 2 การตัดไม้หวงห้ามแม้จะเป็นพื้นที่ สปก.ก็ผิดกฎหมาย ซึ่งบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ สปก.
ประการที่ 3 ไม้หวงห้ามที่ยึดมาได้ มีจำนวนมากกว่า 200 ท่อน ซึ่งแต่ละท่อนมีแต่ไม้ขนาดใหญ่ทั้งนั้น จึงไม่น่าจะเป็นต้นไม้ที่ปลูกเอง ประการที่ 4 การจะคืนไม้หวงห้ามของกลางจำนวนมากขนาดนี้ ต้องมีการตรวจสอบตอไม้อย่างละเอียดว่าแต่ละท่อนตัดมาจากตอไหนบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบหลายวัน และประการที่ 5 การตรวจสอบต้องมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาตรวจสอบด้วย ไม่ใช่ให้ทางฝ่ายปกครองอำเภอเป็นผู้ตรวจสอบ
ดังนั้นจึงอดสงสัยว่าเหตุใดทางอำเภอปักธงชัย จึงได้คืนไม้ของกลางให้กับผู้ครอบครองอย่างรวดเร็ว โดยยังไม่มีการตรวจสอบตอไม้อย่างละเอียดเพราะภาพที่เห็นบริเวณโดยรอบดังกล่าวเป็นไร่มันสำปะหลังทั้งนั้น อีกทั้งพื้นที่ป่าเขาภูหลวงเป็นพื้นที่ที่มีไม้หวงห้ามขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะไม้พะยูงซึ่งกำลังถูกขบวนการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เข้าไปตัดกันอย่างครึกโครม ดังนั้น การตัดไม้หวงห้ามขนาดใหญ่ และจำนวนมากมายขนาดนี้ จึงไม่ควรที่จะปล่อยให้หลุดไปได้โดยที่ไม่มีการตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะมีโอกาสที่ขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูงจะแอบอ้างสวมตอได้
"อยากให้เจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ลงพื้นที่มาตรวจสอบอย่างจริงจังในกรณีนี้"นายปัญญาวัฒน์กล่าว.


