posttoday

"เสียงคนชายขอบ" จากป่าทุ่งใหญ่ถึงนักการเมือง

03 กุมภาพันธ์ 2562

เสียงสะท้อนจากพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่กับป่า ที่ต้องการส่งถึงนักการเมืองและรัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้ง

เสียงสะท้อนจากพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่กับป่า ที่ต้องการส่งถึงนักการเมืองและรัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้ง

*******************

โดย....ปิยรัชต์ จงเจริญ

ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร สุดชายแดนด้านตะวันตก ที่บ้านจะแก ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ขึ้นชื่อในเรื่องความธุรกันดารมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย พื้นที่นี้มีชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงอยู่อาศัยมานานกว่า 300 ปี ปัจจุบันมีด้วยกัน 6 หมู่บ้าน ประชากรกว่า 5,400 คน

การเดินทางเข้าบ้านจะแกซึ่งอยู่ห่างจาก อ.สังขละบุรี ประมาณ 90 กิโลเมตร แม้ในช่วงฤดูแล้งก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ นานกว่า 6 ชั่วโมง สภาพเส้นทางที่เป็นป่าเขา ต้องข้ามผ่านลำธารมากกว่า 20 จุด สภาพเส้นทางที่เป็นโคลน ต้องอาศัยความชำนาญของผู้ขับขี่ ยิ่งหากเป็นช่วงฤดูฝนก็ไม่ต้องพูดถึงการเดินทาง พื้นที่แห่งนี้จะเสมือนว่าถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย การเดินทางออกไปติดต่อธุระในเมือง หรือการเดินทางไปโรงพยาบาลยามเจ็บป่วย ต้องไปขออาศัยเส้นทางในประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเส้นทางที่เคยใช้ในช่วงฤดูแล้งไม่สามารถใช้เดินทางไปมาได้

ชาวบ้านส่วนใหญ่มีฐานะยากจน อาชีพเดียวที่ทำได้คือปลูกข้าวไร่รับประทานภายในครัวเรือน ซึ่งเป็นการทำไร่หมุนเวียนตามวิถีบรรพบุรุษที่ยังต้องพึ่งพาแรงงานคนในการเพาะปลูกเกือบทุกขั้นตอน ด้วยความที่ห่างไกลและตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทำให้สิทธิในการพัฒนาตนเองแทบไม่มี

"เสียงคนชายขอบ" จากป่าทุ่งใหญ่ถึงนักการเมือง

โรงเรียนบ้านหินตั้งเป็นโรงเรียนกลางป่าใหญ่ ที่เป็นสถานศึกษาของลูกหลานชาวบ้านจะแก ที่จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงระดับชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3 โดยโรงเรียนใช้ระบบไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ ส่งผลให้มีข้อจำกัดในการจัดการเรียนการสอนในบางวิชา เช่น คอมพิวเตอร์ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการศึกษาในด้านนี้ของนักเรียนบ้านหินตั้งด้อยกว่าเด็กในเมือง โดยโรงเรียนเป็นสถานที่เดียวที่ชาวบ้านได้มาอาศัยอินเทอร์เน็ตของโรงเรียนในการสื่อสารกับโลกภายนอก และติดต่อกับลูกหลานที่ออกไปทำงานในตัวเมืองหรือไปศึกษาต่อ

วรรณิภา ดอมเหลือม ครูอัตราจ้างโรงเรียนบ้านหินตั้ง ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ โดยมาเป็นครูให้ความรู้แก่เด็กๆ ลูกหลานบ้านเดียวกันมากว่า 3 ปีแล้ว บอกว่า ในแต่ละวันอาหารกลางวันที่ครูโรงเรียนบ้านหินตั้งทำให้เด็กนักเรียนรับประทาน เป็นผักที่ซื้อมาจากชาวบ้านเสียส่วนใหญ่ โดยพยายามให้มีโปรตีนที่เป็นเนื้อหมูและไก่เป็นบางครั้ง เนื่องจากไม่สามารถหาซื้ออาหารสดประเภทหมูและไก่ได้ทุกวันเหมือนโรงเรียนที่อยู่ในตัวเมือง แต่ครูที่นี่ก็พยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อเด็กๆ ซึ่งจะเติบโตขึ้นมาเป็นอนาคตของประเทศ

“รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน มี.ค.นี้ อยากได้นักการเมืองที่ดีมีความซื่อสัตย์สุจริตและโปร่งใสทำงานเพื่อประเทศชาติ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา ที่ปัจจุบันนี้ยังไม่มีความเท่าเทียมระหว่างป่ากับเมือง ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้จึงอยากขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อเลือกคนดีเข้ามาทำงานด้านการเมืองและเข้ามาดูแลการศึกษาของบุตรหลานเรา” วรรณิภาพูดถึงความในใจที่อยากสื่อสารให้นักการเมืองที่จะมาบริหารประเทศได้รับทราบ

"เสียงคนชายขอบ" จากป่าทุ่งใหญ่ถึงนักการเมือง

น้ำผึ้ง กนกกุลสุข นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหินตั้ง บอกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีนักการเมืองเข้ามาหาเสียงหรือเข้ามาเยี่ยมเยียนประชาชนที่นี่ โดยส่วนตัวอยากได้คนดีมาเป็น สส. อยากให้นักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาช่วยดูแลชาวบ้าน ดูแลเส้นทางการเข้าออกของหมู่บ้าน เพราะว่าปัจจุบันการเดินทางเข้าออกของชาวบ้านและครูมีความยากลำบาก

นอกจากบ้านจะแกแล้ว บ้านกองม่องทะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ตัว อ.สังขละบุรี มากที่สุด แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความยากลำบากในการเดินทางเข้าออกโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ชาวบ้านที่นี่ประกอบอาชีพทำไร่ปลูกข้าว ทำสวนปลูกผลไม้ กาแฟ ยางพารา และไร่มันสำปะหลัง แต่กลับมีปัญหาในเรื่องราคาเนื่องจากพ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อผลผลิตยกอ้างเรื่องความยากลำบากในการขนส่งสินค้ามากดราคา

ภัสกร วงศ์งามชัย ชาวบ้านกองม่องทะ บอกว่า อยากได้นักการเมืองที่เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องปากท้อง เนื่องจากที่นี่ไม่มีงานให้ทำนอกจากการปลูกข้าวตามฤดูกาลไว้บริโภคเท่านั้น นอกจากนี้อยากให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องเส้นทางคมนาคมเข้าออก เนื่องจากที่ผ่านมามักเป็นข้ออ้างในการรับซื้อสินค้าการเกษตรของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และมีความยากลำบากในการเดินทางเข้าออกไปทำธุระ ติดต่อราชการและการเดินทางไปโรงพยาบาลยามเจ็บป่วย

"เสียงคนชายขอบ" จากป่าทุ่งใหญ่ถึงนักการเมือง

อ่องลีเหย่ง พนาอุดม สมาชิก อบต.ไล่โว่ บ้านกองม่องทะ บอกว่า ในอดีตเคยมีนักการเมืองเข้ามาหาเสียงในหมู่บ้านบ้างในบางยุคบางสมัย แต่ส่วนใหญ่เมื่อได้รับการเลือกตั้งแล้วก็ไม่เคยกลับมาดูแลทุกข์สุขของประชาชนเหมือนที่เคยสัญญาไว้ นักการเมืองที่ต้องการ ต้องเป็นคนที่สามารถพูดคุยและรับฟังปัญหาของประชาชน เพื่อจะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน แก้ไขความเหลื่อมล้ำ เช่น ด้านการศึกษา และการเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานตามสิทธิ ปัญหาที่ดินทำกิน

อ่องลีเหย่ง บอกว่า ในฐานะที่คนกะเหรี่ยงในทุ่งใหญ่นเรศวรก็เป็นพลเมืองส่วนหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่ามีความเหลื่อมล้ำค่อนข้างสูง และปัญหาเหล่านี้นับวันยิ่งเพิ่มขึ้น

นี่คือเสียงส่วนหนึ่งของคนกะเหรี่ยงในทุ่งใหญ่นเรศวรที่ขอเป็นตัวแทนของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่กับป่า ที่ต้องการส่งถึงนักการเมืองและรัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้ง

 

ข่าวล่าสุด

“ธรรมนัส” รับ ภูมิใจ ไทยเจ้าภาพจัดซีเกมส์ มอง คนไม่ทำงานไม่มีสิทธิ์วิจารณ์