posttoday

ตำรวจล่าลูกเขยโหดขู่ฆ่ายกครัวนักธุรกิจส่งออกส้มโอ"ทับทิมสยาม"

25 สิงหาคม 2561

ตรัง-ผบก.ภจว.นครศรีฯรุดช่วเหลือย7ชีวิตครอบครัวนักธุรกิจส่งออกส้มโอ"ทับทิมสยาม"ถูกลูกเขยขู่ฆ่าต้องหนีข้ามจังหวัดไปที่ตรัง ตำรวจเตรียมตั้งข้อหาพยายามฆ่า

ตรัง-ผบก.ภจว.นครศรีฯรุดช่วย7ชีวิตครอบครัวนักธุรกิจส่งออกส้มโอ"ทับทิมสยาม"ถูกลูกเขยขู่ฆ่าต้องหนีข้ามจังหวัดไปที่ตรัง ตำรวจเตรียมตั้งข้อหาพยายามฆ่า

เมื่อวันที่ 25 ส.ค.61 ที่ ร.15 พัน 4 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง  พล.ต.ต.วันไชย เอกภรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.วสันต์ พวงน้อย ผู้กำกับการ สภ.ปากพนัง เข้าหารือพูดคุยกับครอบครัวของนายสำเร็จ กุลคง อายุ 79 ปี เกษตรกร และนักธุรกิจส่งออกส้มโอ "ทับทิมสยาม" รายใหญ่  ชาว อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช รวม7ชีวิต ที่ต้องหลบหนีพราะถูกนายวิรัตน์ สุขแสง อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นลูกเขยตามขู่ฆ่ายกครัว โดยมี นางกมลทิพย์ กุลคง ภรรยาของนายวิรัตน์ และพี่สา ที่หลบหนีมาด้วยกันร่วมให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย  นอกจากนั้น ยังมี พ.อ.พีรพงศ์ วัลลภาทิตย์ ผบ.ร.15 พัน 4 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ จ.ตรัง พ.อ.สุริยา ช่วยบำรุง ตัวแทนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จ.ตรัง นายณัฐวุฒิ สังข์สุข ป้องกัน จ.ตรัง และ ร.อ.นิพนธ์ สุขศรีราช หัวหน้าชุดรักษาความสงบ ร.15 พัน 4 เข้าร่วมรับฟังด้วย

พล.ต.ต.วันไชย เอกภรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่านายวิรัตน์ ลูกเขยของครอบครัวนี้ ติดยาเสพติดอย่างรุนแรงปัญหานี้เป็นปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว และเบื้องต้นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความในข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งสภ.ปากพนัง จะดำเนินการไปตามกรอบอำนาจ พร้อมให้ส่งพนักงานสอบสวน และนักจิตวิทยา มาร่วมสอบปากคำทั้ง 7 ชีวิต และเพิ่มข้อหาพยายามฆ่าเข้าไปด้วย จากเดิมที่ต้องหาว่า ครอบครองอาวุธปืน และทำร้ายร่างกาย  โดยรับปากจะเร่งจับกุมผู้ต้องหาให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่ตอนนี้ทราบว่าปิดโทรศัพท์มือถือหลบหนีไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจเช็คได้ ไม่มีปัญหา

ล่าสุดผู้ต้องหามีการติดต่อมายังผู้กำกับการ สภ.ปากพนัง ว่า จะมอบตัว แต่ก็ยังไม่มา ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งชุดติดตามอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่จะให้ทั้ง 7 ชีวิต ไปพักอาศัยอยู่ภายในมณฑลทหารบกที่ 41 หรือกองบังคับการตำรวจภูธรจ.นครศรีธรรมราช หรือไม่ เพื่อความปลอดภัยขอให้เป็นเรื่องของฝ่ายผู้เสียหายที่จะตัดสินใจ ด้วยความสมัครใจ และสบายใจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมจะดำเนินการให้เต็มที่

คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก นายสำเร็จ กุลคง อายุ 79 ปี ซึ่งประกอบอาชีพเป็นเกษตรกร และนักธุรกิจส่งออกส้มโอ "ทับทิมสยาม" รายใหญ่ ชาว อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมครอบครัว  ซึ่งประกอบด้วย ภรรยา ลูกสาวอีก 2 คน และหลานชาย วัย 15 ปี และหลานสาวฝาแฝด วัย 10 ปี รวม 7 ชีวิต  ต้องหลบหนีตายอย่างหัวซุกหัวซุนข้ามจังหวัดจาก จ.นครศรีธรรมราช มุ่งหน้ามาขอความช่วยเหลือจาก นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจ.ตรัง  หลัง ถูกนายวิรัตน์ สุขแสง อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นลูกเขย และสามีของนางกมลทิพย์ กุลคง และเป็นพ่อของลูกชาย และลูกสาวฝาแฝดทั้ง 3 คน  รวมทั้งยังเป็นคนที่มีชื่อเสียง และกว้างขวางคนหนึ่งในจ.นครศรีธรรมราช และมีตำแหน่งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) สภ.ปากพนัง  ได้ลงมือทำร้ายร่างกาย ทั้งการตบตีภรรยา และจ่อยิง แต่กระสุนปืนด้าน พร้อมข่มขู่ฆ่าลูก พ่อตา แม่ยาย และทุกคนให้ตายยกครัวมายาวนานหลายปี  สาเหตุเพราะติดยาเสพติดอย่างรุนแรงมายาวนาน จนเกิดอาการหลอน และหวาดระแวง  จนสั่งห้ามไม่ให้ทุกคนในครอบครัวออกไปธุระนอกบ้านหากไม่จำเป็นแม้กระทั่งไม่ให้เด็กๆไปเรียนพิเศษ
  
โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 14 ส.ค.61 นายวิรัตน์ ได้ลากตัว นางกมลทิพย์ ภรรยา ขึ้นรถกลับบ้าน ระหว่างที่ภรรยาออกไปรับลูกที่โรงเรียน  จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนตบตี และใช้อาวุธปืนจ่อศีรษะลากตัวกลับมาทำร้ายร่างกายภายในบ้านรวมทั้งอาวุธมีดจี้ที่บริเวณคอจนบาดเจ็บสาหัส  แต่โชคดีที่นายวิรัตน์ รีบออกไปทำธุระนอกบ้าน หลังจากได้รับโทรศัพท์ พร้อมกับข่มขู่ก่อนออกจากบ้านว่า กลับมาจะยิงทิ้งทั้งครอบครัว แต่รอให้ลูกๆกลับมาพร้อมหน้ากันก่อน  จากนั้นทุกคนในครอบครัว นำโดย นายสำเร็จ พ่อตา ก็ได้อาศัยจังหวะดังกล่าวรีบพาทุกคนในครอบครัวหนีออกจากบ้านด้วยเสื้อผ้าชุดเดียว ขณะที่เด็กๆ ก็หนีออกมาทั้งชุดนักเรียน  จากนั้นได้พานางกมลทิพย์ ไปตรวจร่างกาย พบว่า บริเวณใบหน้าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ก่อนเข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.ปากพนัง จากนั้น ทั้ง 7 ชีวิต ก็พากันหลบหนีกันไปเรื่อยๆ โดยที่เด็กๆ ต้องขาดเรียนมาแล้วนับสัปดาห์  ขณะที่ นายวิรัตน์ พร้อมพวก ก็ได้พยายามติดตามไล่ล่า และส่งข้อความหาลูกๆ เป็นระยะๆ ว่าจะฆ่าทิ้งให้หมด  จนกระทั่งทุกคนต้องหนีเข้ามาขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการ จ.ตรัง