สวนสัตว์ดุสิต-เขาดินวนา ด้วยรักและผูกพัน
สวนสัตว์ดุสิต หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “เขาดินวนา” หรือสั้นๆ ตามภาษาปากว่า “เขาดิน”
โดย ทีม@Weekly
สวนสัตว์ดุสิต หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “เขาดินวนา” หรือสั้นๆ ตามภาษาปากว่า “เขาดิน” ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร เป็นสวนสัตว์และสวนสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย โดยเป็น 1 ใน 5 สวนสัตว์ในองค์การพระบรมราชูปถัมภ์ จัดอยู่ในกลุ่มหน่วยงานรัฐวิสาหกิจประเภทส่งเสริม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สวนสัตว์ดุสิตมีอายุเก่าแก่เกือบร้อยปี ริเริ่มสร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรปในปี 2440 ได้ทอดพระเนตรกิจการสวนสัตว์ของต่างประเทศว่าเป็นสถานที่ให้ความเพลิดเพลิน และให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อย่างดี
ดังนั้น หลังจากเสด็จนิวัตประเทศไทยจึงมีพระราชดำริให้จัดสร้างขึ้นในประเทศไทยบ้าง จนในที่สุดรัฐบาลต้องการทำนุบำรุงสถานที่นี้ให้ดียิ่งขึ้น จึงได้จัดตั้งเป็นองค์การสวนสัตว์ ตามพระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ ทำหน้าที่ดำเนินการส่งเสริมและรวบรวมสัตว์นานาชนิดไว้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาและอำนวยบริการแก่ประชาชน ส่งเสริมและจัดให้มีการบำรุง ผสมพันธุ์ ตลอดจนจัดดำเนินการเกี่ยวกับสถานที่เลี้ยงสัตว์ขององค์การฯ และจัดบริการสาธารณะเพื่อให้เป็นที่พักผ่อนของประชาชนโดยแท้จริง
ต่อมาเริ่มเก็บค่าเข้าชมสวนสัตว์เพื่อใช้เงินนั้นจัดหาสัตว์เพิ่มเติม เป็นค่าอาหารสัตว์และขอเงินจากรัฐบาลมาช่วยบำรุงด้วย กิจการเริ่มเจริญขึ้น มีประชาชนสนใจเข้าชมอย่างเนืองแน่นทุกสัปดาห์ นับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของครอบครัวและเป็นพื้นที่สีเขียวกลางเมืองสำหรับผู้อยู่อาศัยในกรุงเทพมหานคร เป็นสวนสาธารณะในกรุงเทพมหานครเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่รวบรวมสัตว์ป่านานาชนิดไว้ให้ประชาชนชม และมีสถานที่ร่มรื่นเขียวชอุ่มด้วยแมกไม้นานาพันธุ์
ปัจจุบันได้มีการพัฒนาสถานที่ รูปแบบการบริการ กิจกรรมภายในต่างๆเรื่อยมามีสัตว์ป่าทั้งในและต่างประเทศกว่า 2,000ตัว ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ปีก มีสัตว์ดาวเด่นมากมาย เช่นเสือขาว และเก้งเผือก เป็นต้นนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้คนภายนอกได้เข้ามาร่วม เช่น การประกวดตั้งชื่อลูกม้าลาย โครงการพาน้องท่องสวนสัตว์ สปาบำบัดและการแสดงกายกรรม เป็นต้น
หลังวันที่ 31 ส.ค. 2561 สวนสัตว์แห่งแรกของประเทศไทย จะทยอยเคลื่อนย้ายสัตว์ออกไปจัดแสดง ณ สวนสัตว์ต่างๆ ภายใต้การบริหารขององค์การสวนสัตว์ จำนวน 6 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ สวนสัตว์เขาเขียว เชียงใหม่ นครราชสีมา สงขลา อุบลราชธานี และขอนแก่น ก่อนที่สวนสัตว์แห่งใหม่พื้นที่ 300 ไร่ บริเวณคลอง 6 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จะสร้างแล้วเสร็จ
รำลึกเขาดินในความทรงจำ
สวนสัตว์ จัดเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสัตว์ป่าที่ดีสำหรับเด็กและเยาวชนในปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงการศึกษาจากในห้องเรียน แต่ยังเน้นสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตจากสภาพแวดล้อมจริง ทำให้ไม่น่าเบื่อ กระตุ้นความสนใจของเด็กได้ดี โดยเฉพาะเด็กที่อาศัยในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติน้อยมาก จึงอาจขาดความรู้รอบตัวในระบบนิเวศและสัตว์ป่าบางชนิด
สวนสัตว์ดุสิต เป็นสถานที่รวบรวมสิ่งมีชีวิตนานาสายพันธุ์มาไว้เพื่อทำการศึกษา เพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ให้คงอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้ยังได้บ่มเพาะช่วงเวลาอันมีค่าแห่งความทรงจำให้กับผู้คนจำนวนมากมาแล้วหลายยุคต่อหลายสมัย แม้จะถึงคราวจำเป็นต้องปิดตัวลง แต่ความทรงจำจะยังคงอยู่ตลอดไปกับผู้ที่เคยมาเยี่ยมเยือนไม่เสื่อมคลาย
โซไรดา ซาลวาลา ผู้ก่อตั้งและเลขาธิการมูลนิธิเพื่อนช้าง ฉายภาพความทรงจำในวัยเด็กเมื่อครั้งพ่อกับแม่มีโอกาสได้พาไปเดินเที่ยวที่สวนสัตว์ดุสิต นับว่าเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตและถือเป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่มีต่อช้างไทย เรียกว่านับครั้งไม่ถ้วนถึงจำนวนของการเดินทางมาเที่ยวสวนสัตว์แห่งนี้
“เพราะตั้งแต่เด็กจนโตหากมีโอกาสก็จะนั่งรถตุ๊กตุ๊กมาเที่ยว และมาคนเดียวอยู่บ่อยๆ ซึ่งทุกครั้งที่มาก็จะต้องมาเยี่ยมชมช้างและยีราฟอยู่เสมอ ส่วนสัตว์ประเภทอื่นอย่าง เสือ หรือฮิปโปโปเตมัส จะรู้สึกกลัวน่าเกรงขามเพราะตัวใหญ่”
สวนสัตว์จึงเป็นสถานที่ให้ความรู้กับเด็กได้พบเห็นสัตว์นานาชนิดแบบใกล้ๆ นอกเหนือจากเห็นในโทรทัศน์หรือหนังสือ โดยมุมที่เธอชอบไปในวัยเด็กคือสระน้ำที่สามารถนั่งเรือได้ และมีอยู่ครั้งหนึ่งแอบเดินทางไปกับน้อง ขณะปั่นเรือถีบแล้วเกิดอาการหมดแรงปั่น ทำให้เรือลอยไปใกล้น้ำพุกลางสระน้ำ
“ตอนนั้นหัวเราะสนุกสนานกับน้องเป็นที่สุดเพราะตัวเปียกน้ำไปหมด สำหรับจุดที่ชอบไปนั่งเป็นพิเศษคือ ท่าริมน้ำดูปลาสวายตัวใหญ่ กับสะพานไม้สีแดง ชอบให้อาหารปลา ด้วยบรรยากาศร่มรื่นต้นไม้สวยงาม จึงเหมาะกับครอบครัวที่สามารถสร้างช่วงเวลาอบอุ่นได้เป็นอย่างดี”
อย่างไรก็ตาม โซไรดา บอกว่าโดยส่วนตัวรู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่สวนสัตว์แห่งนี้ต้องปิดตัวลง แต่ด้านหนึ่งก็รู้สึกยินดีเช่นกัน เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สวนสัตว์ดุสิตตั้งอยู่ใจกลางเมืองเผชิญกับฝุ่นควันและเสียงแตรของรถยนต์
“ทั้งหมดส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของสัตว์ ดังนั้นถ้าได้เปลี่ยนให้สัตว์น้อยใหญ่เหล่านี้ไปอยู่ในพื้นที่เปิดโล่ง กว้างขวางทุกชีวิตก็จะสบายตัวมากขึ้น ย่อมเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแน่นอน”
โซไรดา กล่าวอีกว่า ตอนนี้ยังอยากเดินทางไปสวนสัตว์ดุสิตเพื่อลาเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ และระลึกถึงความหลังของสถานที่แห่งนี้ แต่ด้วยเห็นว่ามีประชาชนเดินทางไปรำลึกเป็นจำนวนมากเลยไม่ได้กลับไป แต่ไม่เป็นไร เพราะความทรงจำที่ดีอยู่ในใจเสมอไม่เคยลืม
“ทุกความทรงจำที่เกิดขึ้นภายในสวนสัตว์ดุสิต ยังคงจำได้มาจนถึงทุกวันนี้ และได้บันทึกเป็นภาพภายในวัยเด็ก เมื่อนำกลับมาย้อนดูก็อดยิ้มไม่ได้ แม้จะเป็นเรื่องราวที่นานมากแล้ว แต่ยังรู้สนุกสนานทุกครั้งที่นึกถึง”
ความทรงจำ ประทับใจในรอยผูกพันของ‘คนเขาดินวนา’
หนึ่งในภารกิจของเขาดินหรือสวนสัตว์ดุสิตคือ การอนุรักษ์สัตว์ป่าเพื่อการศึกษา วิจัย และส่งคืนสู่ธรรมชาติ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสัตว์ป่า จัดการเรียนรู้ด้านสัตว์ป่าเชิงบูรณาการ พัฒนามาตรฐานการจัดการ การบริหารและนันทนาการ เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างแท้จริง
สวนสัตว์ดุสิต ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่พักผ่อนเรียนรู้เรื่องสัตว์เท่านั้น แต่สวนสัตว์กลางใจกรุงแห่งนี้ยังมีหน้าที่สำคัญอย่างการเพาะพันธุ์สัตว์ป่าให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น ละมั่งพันธุ์ไทยสามารถเพาะพันธุ์ลูกละมั่งได้ครั้งแรกในปี 2529 และเพิ่มจำนวนขึ้นทุกปี ปีละ 3-5 ตัว ปัจจุบันมีละมั่งพันธุ์ไทยกว่า 49 ตัว ในสวนสัตว์ทั่วประเทศ แม้ปัจจุบันละมั่งพันธุ์ไทยมีสถานภาพสูญพันธุ์ในธรรมชาติแล้ว แต่ในปี 2563 มีการวางแผนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการประชากรละมั่งพันธุ์ไทยให้เพิ่มจำนวนมากพอ เพื่อเตรียมปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในอนาคต
ค่าง 5 สี ที่มีสวนสัตว์ไม่กี่แห่งในโลกเพาะพันธุ์ได้จำนวนมาก การศึกษาพฤติกรรม เรียนรู้ลักษณะความเป็นอยู่ที่เหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องการกินของค่าง 5 สี ทำให้อัตราการเกิดลูกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากที่สุดในโลก ปัจจุบันมีค่าง 5 สี กว่า 68 ตัว หลายสวนสัตว์ทั่วโลกให้การยอมรับในศักยภาพการเพาะขยายพันธุ์ และมีการแลกเปลี่ยนกับสวนสัตว์แห่งอื่นทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังมีการเพาะขยายพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครองหายาก เช่น นกแก๊กหรือนกเงือก ที่ให้ลูกทุกปี ปีละ 2 ตัว หรือแม้แต่นกกระเรียนพันธุ์ไทย ก็เกิดที่สวนสัตว์ดุสิตถึง 2 ตัว รวมถึงฮิปโปโปเตมัส อย่าง “แม่มะลิ” ให้ลูกถึง 14 ตัว เป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการวิจัยและเพาะขยายพันธุ์สัตว์ป่าอย่างมีประสิทธิภาพจากสวนสัตว์แห่งแรกของโลก
ภิมุข สิมะโรจน์ อดีตผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งช่วง ปี 2554 เล่าว่า มีความประทับใจจากที่ได้จากการเคยทำงานในเขาดินและสวนสัตว์อื่นๆ ประทับไว้ในความทรงจำดีๆ มากมาย โดยเฉพาะเรื่องงานที่ทำ ผู้ร่วมงานและบรรดาสัตว์ทั้งหลาย
“ผมมาทำงานที่เขาดินในช่วงที่เข้ามาแล้วเห็นว่า มีหลายเรื่องให้ทำ มีอะไรต้องปรับปรุงขนานใหญ่ แต่ก็เข้าใจท่านผู้อำนวยการคนก่อนๆ ดีว่าท่านให้ความสำคัญกับสวนสัตว์ในต่างจังหวัด เพราะแต่ละแห่ง ยังต้องการงบประมาณในการจัดการมากกว่าเขาดิน ซึ่งเป็นสวนสัตว์ที่อยู่มานาน
แต่เมื่อผมเข้ามาทำงานก็เห็นว่า หลายส่วนของเขาดินค่อนข้างทรุดโทรม เราน่าปรับปรุงสถานที่เล็กๆ แห่งนี้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองวัฒนธรรม ตอนนั้นจึงเลยชวนผู้อำนวยการสวนสัตว์ทั่วประเทศมาประชุมปรึกษาหารือกัน โดยให้มาประชุมกันที่โรงอาหารของสวนสัตว์
สาเหตุที่ให้ประชุมในโรงอาหารก็เพื่อจะชี้ให้แต่ละท่านเห็นว่า ที่เขาดินมีปัญหาอะไรบ้าง ซึ่งเห็นชัดตั้งแต่อยู่ในโรงอาหาร ที่ไม่มีระบบป้องกัน ทำให้มีนกสารพัดชนิด โดยเฉพาะนกกระจอกที่หากินกันอยู่ในโรงอาหารจำนวนมาก กินไปก็ต้องระวังอึนกไปด้วย และก็ชี้ให้เห็นว่าเขาดินเป็นสถานที่เก่าแก่ ที่ยังมีอะไรต้องปรับปรุงอีกหลายด้าน โดยผมต้องขอร้องให้สวนสัตว์อื่นๆ สละงบประมาณแห่งละนิดแห่งละหน่อย เพื่อช่วยเขาดิน ซึ่งแต่ละที่ก็ยอมสละให้” อดีตผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์เล่าถึงช่วงที่เข้าทำงานดูแลสวนสัตว์ทั่วประเทศ
ภิมุข เล่าอีกว่า งานปรับปรุงซึ่งได้ดำเนินการในเวลานั้นนอกจากโรงอาหารแล้ว ยังได้เริ่มในหลายจุด เช่น กรงช้าง ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของสวนสัตว์แห่งนี้ ได้ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นปรับปรุงส่วนต่างๆ ให้ถูกสุขลักษณะ ปรับปรุงสวนสัตว์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ วิจัย และขยายพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ สร้างสวนสัตว์ที่มีอยู่ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ทำให้เป็น “ห้องเรียนธรรมชาติ” สำหรับเด็ก และผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม
“แนวคิดการปรับเป็นสวนสัตว์เชิงอนุรักษ์ หรือ Green Zoo เป็นการตั้งเป้า ทำให้เขาดินเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป นำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการให้ข้อมูล ให้ความรู้เรื่องของสัตว์ภายในสวนสัตว์กับเด็กและประชาชนทั่วไป เช่น ใช้แท็บเล็ตในการให้ข้อมูล และการมีทางเลือกในการพักผ่อนให้กับคนในทุกระดับ เป็นสวนสัตว์แห่งแรกที่มีไว-ไฟฟรี เพื่อดึงดูดให้นักศึกษา คนรุ่นใหม่เข้ามานั่งทำงาน หรือพักผ่อนในเขาดิน”
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่อดีตผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ท่านนี้จดจำได้ไม่ลืม ก็คือ ช่วงปีนั้น (2554) เป็นปีที่ประเทศไทยประสบปัญหาอุทกภัยครั้งรุนแรงเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายปี และมีพื้นที่ประสบภัยกระจายตัวในทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางที่เกิดน้ำท่วมหนักเป็นระยะเวลานาน พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นพื้นที่หนึ่งซึ่งเกิดน้ำท่วมหนักในรอบ 70 ปี
“ในปีนั้นเอง เหตุการณ์ที่ยากจะคาดการณ์ว่าระดับน้ำจะท่วมพื้นที่ไหนบ้างทำให้เขาดินต้องวางแผนขนย้ายสัตว์เพื่อหนีน้ำ และมีแผนสำรองไว้รับมือ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เริ่มจากย้ายกวาง 10 ตัว เลียงผา 4 ตัว จากเขาดินไปไว้ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี”
ภิมุข เล่าถึงเหตุการณ์ในปีนั้นว่า เขาดินต้องเตรียมอาหารสัตว์ กักตุนอาหารไว้ล่วงหน้าประมาณ 2 สัปดาห์ และสำรองบางส่วนไว้ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียวในกรณีที่การส่งอาหารในกรุงเทพฯ มีปัญหาการขนส่ง เตรียมแผนการระบายน้ำ โดยจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำและเส้นทางระบายน้ำต่างๆ ภายในสวนสัตว์ กระทั่งพร่องน้ำในสระน้ำใหญ่ให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อใช้เป็นแก้มลิงรับน้ำหากมีน้ำเข้ามาในเขตชั้นใน ปรับส่วนจัดแสดงและคอกกัก
ส่วนแสดงที่เป็นสัตว์เล็กได้ยกขึ้นสูง ส่วนสัตว์ใหญ่ เช่น เสือ สิงโต หมี เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกัน ยกแคร่นอนให้สูงขึ้น เช่น สิงโตจาก 80 เซนติเมตร ยกเป็น 180 เซนติเมตร กรณีช้าง อูฐ หากประเมินสถานการณ์แล้วว่าน้ำจะท่วมสูงก็ต้องย้ายไปยังที่บริเวณเนินเขาดินหรือเขาน้ำตก
“ปีนั้น เราต้องช่วยกันหลายเรื่อง ทั้งเตรียมการรับมือและขนย้ายสัตว์ สัตว์บางส่วนที่ทีมแพทย์แนะนำว่าจะได้รับผลกระทบหนักหากเกิดน้ำท่วม เช่น สัตว์กีบ ที่มีความอ่อนไหวหากเท้าต้องแช่น้ำนานๆ และมีส่วนจัดแสดงต่ำ เช่น กวาง เก้ง เลียงผา จะทยอยย้ายไปไว้ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ต้องทำงานกันหนักมาก
เรียกได้ว่าต้องนอนกันที่เขาดิน ขนเตียงจากห้องพยาบาลมานอนในห้องทำงานกันเลย ระยะเวลาแม้จะไม่นานนัก ที่ได้ทำงานที่เขาดิน แต่ก็นับเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ จำชื่อสัตว์ อย่างยีราฟ สองตัว ที่ชื่อเจ้าตาหวาน กับ บินลาเดน ได้ จำสิงโตซึ่งชื่อเจ้าโหยได้ แน่นอนว่าต้องจำชื่อฮิปโปฯ แม่มะลิ กับลูกชื่อถั่วแดงได้ มีเรื่องดีๆ มากมายเกิดขึ้นที่นั่น อยากให้ทุกคนที่ผูกพันกับเขาดินตั้งแต่เด็กไปเที่ยวรำลึกในช่วงสุดท้ายกัน และเชื่อว่าสวนสัตว์ที่ใหม่จะกว้างขวางขึ้นและดียิ่งขึ้นไปอีก” อดีตผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ กล่าว
วัยรุ่นกับเขาดินวนา
“ภาพลักษณ์สวนสัตว์ดุสิตในการรับรู้ของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร” (The Image of Dusit Zoo in Perception of Bangkok Teenagers) วิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษา สาขาสื่อสารมวลชน คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ของ โชติกา ไชยสิริยะสวัสดิ์ ที่ทำศึกษาภาพลักษณ์ของสวนสัตว์ดุสิตในการรับรู้ของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร ศึกษาการเปิดรับสื่อเกี่ยวกับสวนสัตว์ดุสิตของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร ศึกษาความแตกต่างระหว่างลักษณะทางประชากรกับภาพลักษณ์สวนสัตว์ดุสิต และศึกษาความแตกต่างระหว่างการเปิดรับสื่อกับภาพลักษณ์สวนสัตว์ดุสิตของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร
ประชากรที่ใช้ศึกษาคือ วัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร ที่มีอายุระหว่าง 12-23 ปี โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน จาก 50 เขต และเก็บข้อมูลช่วงเดือน ก.พ.ถึงเดือน มี.ค. 2555
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีระดับการศึกษาสูงสุดคือปริญญาตรีหรือเทียบเท่า รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่าหรือเทียบเท่ากับ 2,000 บาท กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เปิดรับสื่อเกี่ยวกับสวนสัตว์ดุสิตมากที่สุดจากสื่อบุคคล รองลงมาคือสื่อโทรทัศน์ และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่เคยรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสวนสัตว์ดุสิตในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา
สำหรับการรับรู้ภาพลักษณ์ด้านต่างๆ ของสวนสัตว์ดุสิตอยู่ในระดับดี โดยมีภาพลักษณ์ด้านกิจกรรมเพื่อสังคมดีที่สุด รองลงมาคือภาพลักษณ์ในด้านการดำเนินงานมีระดับดี จากการทดสอบสมมติฐาน พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ ระดับการศึกษา และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่แตกต่างกัน จะทำให้มีภาพลักษณ์เกี่ยวกับสวนสัตว์ดุสิตแตกต่างกัน
พฤติกรรมการเปิดรับสื่อเกี่ยวกับสวนสัตว์ดุสิตของกลุ่มตัวอย่างพบว่า วัยรุ่นที่มีการเปิดรับสื่อเกี่ยวกับสวนสัตว์ดุสิตแตกต่างกันมีภาพลักษณ์สวนสัตว์ดุสิตไม่แตกต่างกัน ส่วนวัยรุ่นที่มีความถี่ในการเปิดรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสวนสัตว์ที่แตกต่างกันมีภาพลักษณ์สวนสัตว์ดุสิตแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้เสนอแนะว่า สวนสัตว์ดุสิตควรพัฒนาด้านการประชาสัมพันธ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและปรับปรุงสื่อขององค์กรให้มีความน่าสนใจรวมถึงเน้นเรื่องการทำความสะอาดและการจัดระเบียบสถานที่ สำหรับด้านกิจกรรมเพื่อสังคมที่โดดเด่นอยู่แล้วก็พัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อนำมาปรับปรุงและจัดการองค์กรต่อไปในอนาคต


