posttoday

สอนคนเจนวาย ‘ให้รู้เรื่องข้าว’

21 กรกฎาคม 2561

แสงแดดจ้าเริ่มต้นความสดใสในเช้าตรู่ เป็นวันอากาศดีๆ เหมาะกับการย่ำโคลนลงท้องนา รับการทำ “กิจกรรมปักดำ”

โดย ราตรีแต่ง

แสงแดดจ้าเริ่มต้นความสดใสในเช้าตรู่ เป็นวันอากาศดีๆ เหมาะกับการย่ำโคลนลงท้องนา รับการทำ “กิจกรรมปักดำ” ของวัยรุ่นหนุ่มสาวนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.) วิทยาเขตสกลนคร

คณาจารย์และเจ้าหน้าที่กว่า 300 คน ของคณะทรัพยากรธรรมชาติ รวมพลังสานต่อโครงการสืบสานการทำนา ภูมิปัญญาไทยอีสาน ภายใต้แนวคิด “ปักดำวันแม่ เก็บเกี่ยววันพ่อ” เพื่อสืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีการลงแขกดำนา สร้างความสามัคคีและเพื่อการบูรณาการเกี่ยวกับการเรียนการสอน และเพื่อให้นักศึกษารุ่นใหม่ได้ประสบการณ์ดีนอกห้องเรียน

แม่ทัพใหญ่ ผศ.นสพ.ชเวง สารคล่องคณบดีคณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร กล่าวนำร่องโครงการสืบสานการทำนาภูมิปัญญาไทยอีสาน เป็นพันธกิจด้านที่ 4 ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม กอปรกับการสร้างความตระหนักให้กับนักศึกษาในด้านการปลูกข้าว และเรื่องราวแห่งชาวนา อันเป็นภูมิปัญญาของชาวไทยอีสาน และเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยมาอย่างยาวนาน

การปลูกฝังองค์ความรู้ในการทำนาให้กับนักศึกษาคณะทรัพยากรธรรมชาติ มทร.อีสาน วิทยาเขตสกลนคร โดยเริ่มตั้งแต่การเตรียมแปลงนาตกกล้า โดยใช้ควายไถนา การตกกล้าน้ำ การตกกล้าผง (การตกกล้าแห้ง) เทคนิคการถอนกล้า (หลกกล้า) การเตะกล้า วิธีการ
เตรียมแปลงนาปักดำ วิธีการใส่ปุ๋ยในการเตรียมแปลงนาปักดำ การปักดำ การดูแลแปลงนา การเก็บเกี่ยวผลผลิตและการเก็บรักษา ตลอดจนการแปรรูปข้าวเป็นอาหารสารพัดอย่าง และการใช้ประโยชน์จากแปลงนาในการเป็นแหล่งอาหารอื่นๆ และยารักษาโรคในครัวเรือน

สอนคนเจนวาย ‘ให้รู้เรื่องข้าว’

“ในวันที่นักศึกษาร่ำเรียนวิชาการเพื่อไปใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน แต่ผลผลิตจากท้องนาก็ถือเป็นดัชนีชี้วัดถึงสภาวะของสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ อากาศ และเป็นบ่อเกิดแห่งศิลปวัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อ วิถีการดำเนินชีวิตของคนในสังคม ภูมิปัญญา เป็นเรื่องทรงคุณค่าที่คนรุ่นใหม่ไม่ควรหลงลืม

เรื่องเหล่านี้ได้ถูกถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างยาวนาน แต่ในปัจจุบันเรื่องราวอันทรงคุณค่ากำลังถูกกาลเวลาและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ และคงเลือนหายไปในไม่ช้า เพื่อเป็นการรักษาภูมิปัญญาที่ทรงคุณค่านี้ไว้ให้คงอยู่ และส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อไป” ผศ.นสพ.ชเวง กล่าว

โครงการสืบสานภูมิปัญญาการทำนาไทยอีสาน เป็นการบูรณาการศาสตร์ในด้านต่างๆ ที่คณะทรัพยากรธรรมชาติมีการจัดการเรียนการสอน ได้แก่ สาขาพืชศาสตร์ สัตวศาสตร์ ประมง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร การแพทย์แผนไทย และวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม ให้เป็นผู้รวบรวมองค์ความรู้และขยายองค์ความรู้อย่างเป็นระบบและเป็นวิทยาศาสตร์ จนสามารถสร้างมาตรฐานการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาเรื่องการทำนาไทยอีสานได้อย่างเป็นรูปธรรม

“เราเริ่มต้นให้ความรู้ โดยพานักศึกษาลงมือปฏิบัติ เริ่มตั้งแต่การเตรียมกล้า โดยสาขาวิชาพืชศาสตร์จะคัดเลือกเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ที่สุด แล้วนำเมล็ดข้าวมาล้างและแช่พันธุ์ข้าวด้วยน้ำในภาชนะประมาณ 2-3 วัน จนเมล็ดพันธุ์ข้าวแตกราก จะเรียกพันธุ์ข้าวว่า ‘ข้าวปลูก’ เมื่อได้ข้าวปลูกแล้ว นำไปหว่านลงแปลงนาที่เตรียมไว้ โดยแปลงนาที่หว่านข้าวปลูกนี้จะเปิดน้ำออกไม่ให้มีน้ำท่วมขัง รอเวลาประมาณ 3 อาทิตย์-1 เดือน กล้าข้าวจึงเติบโตพอที่จะสามารถถอนได้

สอนคนเจนวาย ‘ให้รู้เรื่องข้าว’

วิธีการถอนกล้าจะถอนเป็นกำ แล้วฟาดส่วนรากกับเท้ากล้า เพื่อให้ดินที่ติดอยู่กับรากหลุดออก เมื่อได้กล้าพอยกไหวจึงนำมามัดด้วยตอกไม้ไผ่ตรงส่วนยอดแล้วตัดใบกล้าข้าวออก เพื่อให้กล้าข้าวไม่คายน้ำมากเกินไปเวลาดำ ในส่วนการขนย้ายกล้าข้าวไปในแปลงที่ดำข้าวจะใช้ไม้ไผ่แหลมสองข้างที่มีศัพท์เรียกเฉพาะว่า ‘ไม้หลาว’ เสียบเข้าไปใต้ส่วนที่มัดด้วยตอกไม้ไผ่ ข้างละเท่าๆ กันแล้วหาบไปไว้เป็นจุดๆ ตามแปลงที่เตรียมดำ”

หลังจากนั้น ผศ.นสพ.ชเวง แจงให้ภาพการทำนาของนักศึกษาว่า จะต้องทำการเตรียมแปลง โดยการใช้ควายไถ ซึ่งการไถจะเดินเวียนไปทางด้านซ้าย จากรอบนอกเข้ามาด้านใน

สอนคนเจนวาย ‘ให้รู้เรื่องข้าว’

“ต้องหมั่นระวังรอยไถไม่ให้ห่างกัน หากคนไถไม่ชำนาญดินจะถูกไถไม่หมด ภาษาถิ่นเรียกว่า ‘ไถระแวง’ ปกติจะไถ 2 ครั้ง ครั้งแรกไถเตรียมรอฝน หรือไถตอนต้นฝน แล้วทิ้งไว้ระยะหนึ่งเพื่อไถกลบวัชพืช ก่อนจะทำการไถที่อีกครั้งเมื่อฝนเริ่มตกชุก ครั้งนี้เรียกว่าไถแปร การไถจะใช้แรงงานควายไถ ไม้ที่มีผานไถเป็นเหล็ก บางคนจะเรียกว่าปะขางไถในระยะหลังเริ่มมีไถเหล็กมาใช้ซึ่งจะแข็งแรงและเบากว่า

เมื่อไถเสร็จก็จะคราดนาเพื่อให้ดินเรียบ และไม่มีเศษหญ้า เหมาะแก่การหว่านกล้าหรือดำ แปลงแรกที่ไถจะใช้สำหรับเพาะพันธุ์กล้าข้าว คันนาจะได้รับการซ่อมแซมส่วนที่ขาดไป ด้วยการขุดดินขึ้นมาปั้นเป็นรูปคันยาวๆ เพื่อให้นาเก็บน้ำได้ ส่วนใดขาดหรือต่ำลงก็จะได้รับการซ่อมแซม การปั้นคันนามักจะทำไม่ใหญ่นัก ส่วนมากจะทำขนาดกว้างพอเดินได้ นอกเสียจากว่าจะเป็นที่น้ำลึกหรือต้องการจะปลูกพืชอื่นบนคันนาถึงจะทำใหญ่ขึ้น ไม่มีขนาดมาตรฐานตายตัว”

สำหรับขั้นตอนของการดำนา นักศึกษาจะร่วมกันดำนาโดยจะอุ้มมัดกล้าไว้ที่อกด้วยมือซ้าย แยกเอากล้าข้าวออกด้วยมือขวาประมาณ 4-5 ต้น ใช้นิ้วโป้งกดรากข้าวลงไปในดินแล้วกลบให้กล้าตั้งต้นได้ด้วยนิ้วที่เหลือ

สอนคนเจนวาย ‘ให้รู้เรื่องข้าว’

“การดำจะดำถอยหลังให้ต้นกล้าห่างกันประมาณ 1 ศอก แถวต่อมาก็จะดำระหว่างกลาง มีลักษณะเป็นสามเส้า หรือแบบสลับฟันปลา ความห่างของต้นขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยโครงการนี้จัดติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี และได้รับความร่วมมือจากทุกสาขาวิชา รวมถึงนักศึกษาคณะทรัพยากรธรรมชาติ จนกลายเป็นธรรมเนียมการจัดโครงการของ มทร.อีสาน วิทยาเขตสกลนคร ทุกปี” ผศ.นสพ.ชเวง กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

คลัง ยันยุบสภาฯไม่สะดุดเศรษฐกิจ ชี้กระทบปี 69 วงจำกัด คาด GDP โต 2%