posttoday

โอนงานจราจร

05 มิถุนายน 2561

แนวคิดโอนภารกิจงานจราจร จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มาไว้ที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)

โดย...แสงตะเกียง 

แนวคิดโอนภารกิจงานจราจร จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มาไว้ที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นความคิดที่มีมายาวนานหลายปี แต่ยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นรูปธรรมได้

เมื่อมองถึงข้อดีในการโอนตำรวจจราจรให้ กทม. พบว่า ตำรวจจะมีเวลาในการทำงานด้านการป้องกันและปราบปราม การสืบสวนได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทำได้ดีมากขึ้น

ส่วน กทม.จะมีอำนาจสั่งการบริหารจัดการจราจรภายในพื้นที่ของ กทม.ไม่ต้องพึ่งพาตำรวจ เป็นการลดขั้นตอนการทำงานและสายงานการบังคับบัญชา เนื่องจากที่ผ่านมาปัญหาคือ กทม.ติดตั้งสัญญาณไฟจราจรแล้วมอบให้ตำรวจจราจรเป็นผู้ดูแล โดยตำรวจจราจรเป็นผู้กำหนดระยะเวลาของสัญญาณไฟ ซึ่งมีการตำหนิตำรวจจราจรอยู่บ่อยครั้ง เรื่องเปิดไฟเขียวช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้รถติดอย่างหนักบนถนนบางสาย รวมถึงหากสัญญาณไฟเสียต้องรอจนกว่า กทม.จะเข้ามาซ่อมแซม

อีกทั้งเมื่อมีการก่อสร้างเกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องทำเรื่องขออนุญาตใช้พื้นที่จาก กทม. ดังนั้นหากตำรวจจราจรถูกโอนมาสังกัด กทม. จะทำให้ กทม.มีอำนาจเบ็ดเสร็จมากขึ้นทั้งในด้านการกำหนดจังหวะสัญญาณไฟจราจร การอนุญาตให้ใช้พื้นที่และปรับเปลี่ยนเส้นทางการสัญจร เป็นการบูรณาการงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาจราจรทั้งหมด ไม่ต้องรอกันไปรอกันมาประชาชนเดือดร้อน

ทว่าบางภารกิจที่มีปัญหาติดขัด อาทิ หากมีคดีอาญาเกิดขึ้นบนผิวการจราจร ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ระบุไว้เพียงว่า เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเท่านั้นที่มีอำนาจสืบสวนสอบสวน ซึ่งหากมีการรับโอนภารกิจมาจริง ต้องปรับแก้ระเบียบที่เป็นข้อจำกัดเพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติหน้าที่

เรื่องนี้ทางสำนักเทศกิจได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาใน 4 เรื่องเพื่อเตรียมความพร้อมรับโอน ได้แก่ 1.ข้อกฎหมายด้านการจราจรและกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อออกข้อบัญญัติ ระเบียบข้อบังคับ การจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานการออกแบบพิมพ์ใบสั่ง 2.เตรียมบุคคลโดยกำหนดให้คุณสมบัติต้องประกอบด้วย วุฒิการศึกษาและสาขาวิชานิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์ เพื่อปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานจราจรในการออกใบสั่ง 3.เตรียมความพร้อมเครื่องมือทั้งป้ายสัญลักษณ์จราจรและป้ายเตือน

อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก เช่น การยกและเคลื่อนย้าย รถยนต์ที่ฝ่าฝืนจอดในพื้นที่ห้ามจอด เบื้องต้นวางแนวทางให้สิทธิเอกชนเข้ามาดำเนินการเป็นสัมปทานบนถนนแต่ละสาย มีส่วนแบ่ง 3 ส่วน ได้แก่ ค่าดำเนินการยกและเคลื่อนย้ายรถ 2.ค่าจอดรถ และ 3.ค่าปรับ เพราะปัจจุบันกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ส่งเงินค่าปรับให้ท้องถิ่นปีละ 200-300 ล้านบาท โดย กทม.จะแบ่งเงินค่าปรับให้ บก.จร.ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่ง กทม.นำมาจัดซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการจราจรดังนั้นต้องไปศึกษาว่าหากโอนภารกิจด้านงานจราจรแล้ว ส่วนแบ่งค่าปรับครึ่งหนึ่งที่เดิมทีเคยแบ่งให้กับ บก.จร.จะต้องนำมาเป็นเบี้ยเลี้ยงหรือเบี้ยเสี่ยงหรือทำประกันชีวิตให้กับพนักงานเทศกิจได้หรือไม่

ขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหาร กทม.เชื่อว่าการรับโอนภารกิจด้านงานจราจรจะสมบูรณ์แบบในระยะเวลา 2-3 ปีนับจากนี้ ดังนั้นหากการโอนภารกิจงานจราจรมาให้ กทม.รับผิดชอบเองทั้งหมด หลายฝ่ายเชื่อว่านอกจากแก้ปัญหาการจราจรได้แล้ว ยังยุติปัญหาส่วนแบ่งเงินรางวัลค่าปรับจากใบสั่งได้อีกด้วย เพราะทุกวันนี้กลายเป็นยอดใบสั่งตามเป้า แล้วอย่างนี้สังคมผู้ใช้รถใช้ถนนมีความเห็นอย่างไร

ข่าวล่าสุด

LIVE ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อีสปอร์ต FC Mobile ไทย พบ เวียดนาม นัดชิงฯ วันนี้