โดนแล้ว! ศธจ.กาญจน์ฯสั่งดำเนินคดีรร.เอกชนใส่ชื่อเด็กผีรับเงิน

ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี สั่ง นิติกร แจ้งความดำเนินคดีอาญา ร.ร.เอกชนชื่อดัง หลังตรวจพบทุจริตนำรายชื่อเด็กไร้ตัวตนเบิกงบรายหัว

ความคืบหน้ากรณี นายชลำ อรรถธรรม รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) มอบหมายให้ นายจาตุรงค์ ม่วงน้ำเงิน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)และ น.ส.ศรีวรรณ จันทร์เชื้อ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ร่วมกับ นายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี ประชุมหารือพร้อมวางแนวทางตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าว พบโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี มีพฤติกรรมการทุจริต ด้วยการนำรายชื่อเด็กนักเรียนที่ไม่มีตัวตน มาเบิกเงินรายหัว ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โดยการประชุมมีขึ้นเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มี.ค.61 ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี ถ.แม่กลอง ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีมูลการกระทำความผิดทุจริตเบิกจ่ายเงินอุดหนุนรายหัว จำนวน 24 ราย และยังพบอีก 3 ราย ที่เบื้องต้นพบว่า เด็กทั้ง 3 คนไม่มีตัวตนอยู่ในโรงเรียน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

โดยตนได้กำชับไปยังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าก่อนที่จะเดินทางไปแจ้งความให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้แน่ชัด โดยพบว่า รายชื่อเด็กทั้ง 24 คน ที่มีการแก้ไข พ.ศ.เกิด จำนวน 6 ราย และยังไม่ได้เข้าเรียน เพราะอายุยังไม่ถึงเกณฑ์บางคนอายุแค่ 1-2 ขวบเท่านั้น แต่ที่มีรายชื่อที่ซ้ำซ้อนและนำไปแก้ พ.ศ.เกิด จำนวน 18 ราย และเด็กทั้ง 18 ราย ไม่มีรายชื่อเรียนที่โรงเรียนเอกชน แต่เด็กทั้ง 18 คน มีชื่ออยู่ตามศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของเทศบาลต่างๆ ที่อยู่ในเขตพื้นที่อำเภอท่าม่วง

ทั้งนี้คณะกรรมการพยายามรวบรวมหลักฐานให้แน่ชัดรัดกุมมากที่สุด โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจฐานข้อมูลในทะเบียนราษฏร์ของฝ่ายปกครอง จึงเชื่อได้ว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริง และเพื่อความชัดเจน เจ้าหน้าที่ได้ไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาล เพื่อทำการตรวจสอบว่าเด็กแต่ละคนมีรายชื่ออยู่ตามศูนย์เด็กเล็กของเทศบาลจริงหรือไม่ หลังจากนี้ก็จะแจ้งไปยังโรงเรียนเอกชนดังกล่าวเพื่อขอหลักฐานจากโรงเรียนเพื่อนำมายันรายชื่อกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ถึงแม้ว่าทางโรงเรียนปฏิเสธที่จะให้ก็ไม่เป็นไร เพราะหลักฐานที่เรามีอยู่ก็เพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบไม่พบเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดดังกล่าว

สำหรับโรงเรียนเอกชนดังกล่าวนอกจากจะถูกดำเนินคดีทางอาญาแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดีทางแพ่งด้วย โดยจะต้องชดใช้เงินคืน แต่เนื่องจากข้อมูลการตรวจสอบการเบิกจ่ายมีเพียงการเตรียมเบิกจ่ายของเดือนมีนาคมเท่านั้น และกำลังจะจ่ายให้ประมาณปลายเดือนนี้ เราจึงจำเป็นต้องชะลอการจ่ายเงินอุดหนุนรายหัว จำนวน 24 ราย ที่กำลังมีปัญหา รวมเป็นเงิน 20,176.83 บาท ออกไปก่อน ส่วนคดีแพ่งจะแจ้งความเอาผิดในภายหลัง เพราะเราจะต้องตรวจสอบย้อนหลังว่ามีการทุจริตไปแล้วจำนวนเท่าไหร่ โดยจะมีการตรวจสอบการทุจริตย้อนหลังไปจนถึงจุดเริ่มต้นของการทุจริต ซึ่งอาจจะเป็นช่วง 5 ปี หรือ 10 ปีก็ตาม ซึ่งในคดีแพ่งตามสัญญาทางโรงเรียนจะต้องคืนเงินให้กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)ถึง 2 เท่า และจะต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีด้วย สำหรับผู้ที่จะต้องรับผิดชอบทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งคือ ผู้จัดการโรงเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งโรงเรียน

ดังนั้นตนจะได้มอบหมายให้ นายอังกูร จินจารักษ์ นักทรัพยากรบุคคล ทำหน้าที่นิติกรประจำสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำผิดในข้อหานำเอกสารอันเป็นเท็จมาเบิกเงินอุดหนุนรายหัวต่อไป