posttoday

บุพการีไม่สอน?

22 มีนาคม 2561

เขียนจั่วหัวมาอย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่าคนเขียนจะจงใจไปด่าพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดหรือเคืองใคร

โดย...นาย ป.

เขียนจั่วหัวมาอย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่าคนเขียนจะจงใจไปด่าพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดหรือเคืองใคร แต่จริงๆ แล้วมีความมุ่งหมายที่อยากจะให้สื่อสารและทำเข้าความใจในความสำคัญของคำนี้ต่างหาก มากกว่ามีความหมายสำคัญอย่างไร เพราะอย่าลืมว่าพ่อแม่เป็นต้นแบบของบุตรหลาน พวกเขาเติบโตมากับเรา และเขาก็เลียนแบบนิสัยหรือพฤติกรรมจากเรานั่นแหละ ดังนั้นถ้าพ่อแม่ดูแลเอาใจใส่ลูกดีๆ อยู่ใกล้ชิดกับลูกๆ พวกเขาก็จะยึดถือพ่อแม่เป็นแบบอย่าง ทั้งวิธีคิดหรือวิธีปฏิบัติตัวต่างๆ นานา

กรณีเช่นนี้ก็เหมือนกันจะเห็นว่าถ้าพ่อแม่มีการประพฤติดีหรือประพฤติชอบ ลูกๆ เขาก็จะเอาพ่อแม่เป็นแบบอย่างประพฤติดีและประพฤติชอบเหมือนกับพ่อแม่ที่ได้ทำ แต่ตรงกันข้ามถ้าพ่อแม่ประพฤติทำตัวไม่ดีหรือประพฤติตัวไม่ชอบแล้วละก็ แน่นอนลูกๆ จะทำตามเหมือนกัน ทีนี้เวลาพ่อแม่ไปดุด่าว่ากล่าวลูกๆ แล้ว เด็กๆ จะย้อนถามเอาได้ว่าถ้าไม่ดีแล้วทำไมพ่อแม่ถึงได้ทำล่ะครับหรือค่ะ แล้วหนูทำอย่างที่พ่อแม่ทำนั่นแหละ

ดังนั้น ขอบเขตของคำว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน ในความเห็นของผู้เขียนจึงไม่ได้จำกัดเฉพาะการไม่ได้สั่งสอนหรือการไม่ได้อบรมลูกๆ เท่านั้น แต่ขยายไปถึงการที่พ่อแม่ “ทำตัวไม่ดี” ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น พ่อแม่พาลูกไปส่งโรงเรียน ระหว่างทางพ่อแม่มีพฤติกรรมการขับรถปาดซ้ายปาดขวาทีฝ่าไฟแดง สวนเลน และอีกสารพัดของพฤติกรรมที่ไม่เคารพกฎจราจร ดังที่เราได้เห็นพฤติกรรมเหล่านี้กันบนท้องถนนทุกวี่ทุกวัน เพราะ “ใครๆ เขาก็ทำกัน” หรือไม่ก็ “ตำรวจไม่มี” หรือ “นิดหนึ่งไม่เป็นไร” ลูกๆ เขาก็ซึมซับพฤติกรรมเหล่านี้ไปทุกๆ วัน

ดังนั้น พอเด็กๆ เหล่านี้เติบโตขึ้นเขาก็ทำพฤติกรรมเหล่านี้บ้าง ความเลอะเทอะขยายวงกว้างไปอีกจากเจเนอเรชั่นหนึ่งไปสู่เจเนอเรชั่นหนึ่งต่อไปเรื่อยๆ พอเขาเติบโตไปแล้ว ไปมีลูกๆ ของเขาเอง ลูกๆ ของพวกเขาเมื่อเติบโตขึ้นมาก็จะทำอย่างนี้กับพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ทำต่อไปเป็นทอดๆ จากรุ่นสู่รุ่น พอรวมกันเข้าหลายๆ รุ่น หรือเจเนอเรชั่น ก็กลายเป็นคนส่วนใหญ่ของสังคมไป พฤติการณ์เหล่านี้จะกลายเป็นพฤติกรรมสังคมไปโดยปริยาย

ดังนั้น ความไร้ระเบียบวินัยของผู้คนในสังคมจึงไม่ได้อยู่ที่ความผิดของเจ้าหน้าที่ที่แย่หรือเพราะกฎหมายแย่เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ตัวเราเองด้วย เพราะเรามักจะโทษคนอื่นหรืออะไรก็ตามที่มันพูดไม่ได้ไว้ก่อนเสมอ เราไม่เคยโทษตัวเองเลยว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม เพราะ “ใครๆ เขาก็ทำกัน” วิธีคิดแบบนี้ยิ่งถ้าพ่อแม่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูกหรืออยู่ใกล้ แต่ให้อินเทอร์เน็ตสอนเขาทุกวัน โดยเฉพาะการยื่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้เขาเพื่อตัวเองจะได้มีเวลาว่าง ลูกไม่กวนใจลูกๆ ก็จะกลายเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่สั่งสอนอย่างแท้จริง เพราะต้องเรียนรู้เรื่องต่างๆ ด้วยตัวเองโดยลำพังผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทน

ผู้เขียนเห็นว่าอีกทั้งสิ่งที่เรียนรู้นั้นมันไม่ใช่โลกของความเป็นจริง (Real World) ด้วย แต่เป็นโลกเสมือนจริง (Virtual Reality) เด็กๆ จึงแยกไม่ออกระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกเสมือนจริง เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติในชีวิตจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เหมือนในเกม เพราะไม่อาจแยกโลกของความเป็นจริงกับโลกเสมือนจริงออกจากกันได้

ผู้เขียนเห็นว่าเรื่องการที่พ่อแม่ไม่สั่งสอนในแบบหลังนี้สะท้อนให้เห็นได้ชัดจากข่าวหรือคลิปการใช้ความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมทุกวันนี้และผู้กระทำมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ เห็นไหมคำว่า “พ่อแม่ไม่สั่งสอน” นี่มีความหมายลึกซึ้งมิใช่น้อยนะครับ

ใครนะช่างคิด ขอคารวะหนึ่งจอก

ข่าวล่าสุด

ชี้จุด วิ่งฟรี มอเตอร์เวย์ M6 บางปะอิน - นครราชสีมา ต้องไปจุดไหน?