ชำแหละ ปาร์คกิ้ง สุวรรณภูมิ ธุรกิจการเมืองบนลานจอดรถ
ชำแหละปมผลประโยชน์ที่จอดรถสุวรรณภูมิ ที่มีเม็ดเงินที่เป็นรายได้ไหลเข้าคิดแล้วมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อวัน.....
ชำแหละปมผลประโยชน์ที่จอดรถสุวรรณภูมิ ที่มีเม็ดเงินที่เป็นรายได้ไหลเข้าคิดแล้วมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อวัน.....
โดย...ธนก บังผล
เม็ดเงินที่เป็นรายได้ไหลเข้าสู่อาคารจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พื้นที่ 1.6 แสนตารางเมตร มูลค่าเดือนละกว่า 25 ล้านบาท
นับเป็นจำนวนที่มากพอ ทำให้ปมความขัดแย้งทางธุรกิจของผู้ถือหุ้นใน “บริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์” ที่เคยร้าวลึกเป็น 2 ฝ่ายอยู่แล้ว ได้ถูกระเบิดออกมาเมื่อวันที่ 24 ก.ย. โดยมีกลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำเข้ามายึดพื้นที่ภายในพื้นที่ลานจอดรถ
เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความตื่นตกใจให้กับผู้ที่มาใช้บริการ และถือว่าเป็นการสร้างความเสียหายให้กับสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติอีกครั้งหนึ่ง
สาเหตุของปัญหา เริ่มขึ้นเมื่อปลายเดือน ก.พ. 2553 บริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. ได้เปิดให้เอกชนเข้ามายื่นซองประมูลดูแลบริหารลานจอดรถภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายใต้เงื่อนไขสัญญา 5 ปี ตั้งแต่ 30 เม.ย. 2553 จนถึง 31 มี.ค. 2558
ปรากฏว่าครั้งนั้นกลุ่มร่วมทุน 2 บริษัท คือ บริษัท วี ดับเบิ้ลยู ไอ เอ็น และบริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ เป็นผู้ได้รับคัดเลือกจาก ทอท.ให้เข้ามาบริหาร เนื่องจากเสนอข้อตกลงจะจ่ายรายได้ขั้นต่ำ ซึ่งเป็นค่าบริการรับจอดรถเดือนละ 17.5 ล้านบาท พร้อมกับค่าสมาชิกรายเดือน เดือนละ 4.5-5 ล้านบาท และค่าเช่าพื้นที่อีกประมาณเดือนละ 3-5 ล้านบาท
บริษัท วี ดับเบิ้ลยู ไอ เอ็น ประกอบกิจการค้าอุปกรณ์เสริมทางด้านกีฬากอล์ฟและอื่นๆ ทุกชนิด ของชำร่วย ของที่ระลึกและจำหน่ายโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ด้านไอทีต่างๆ จดทะเบียนตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2545 ด้วยทุน 1 ล้านบาท ก่อนจะมาเพิ่มทุนเป็น 5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2551
ปัจจุบัน น.ส.ฤชุอร จันทรศุภวงศ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 87% ลดหลั่นลงมาได้แก่ นายจุมพล ญาณวินิจฉัย นายธนายุทธ ญาณวินิจฉัย นางจริญญา รังสิโยทัย น.ส.บุญรัตน์ ญาณวินิจฉัย นางรัษฎา ญาณวินิจฉัย และนายอนุ พงศ์ภัณฑารักษ์ ตั้งอยู่ที่ 120/30 หมู่ 4 ซอยรามอินทรา 21 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.
ในขณะที่ บริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ ประกอบกิจการผลิตเสื้อเกราะกันกระสุน เครื่องหนัง และอุปกรณ์อื่น จดทะเบียนตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2547 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 10 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 47/35 หมู่ 4 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม โดยนายธนกฤต เจตกิตติโชค เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 99% ที่เหลือเป็นของนายณรงค์ เจิมเฉียง กับนายศุภชัย โตสวัสดิ์
ทั้งสองบริษัทนี้ได้รับการแนะนำให้ร่วมทุนกันผ่านทางอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ “นายธรรศ พจนประพันธ์” มาเจอกับนายธนกฤต จนกลายเป็นคู่ขัดแย้งอย่างรุนแรงในขณะนี้
ท่ามกลางความสงสัยว่าบริษัทค้าขายอุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์ ของชำร่วย มาร่วมทุนกับบริษัทซึ่งผลิตเสื้อกันกระสุน จะดูแลบริหารลานจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิออกมาในรูปแบบไหน
วันที่ 31 มี.ค. 2553 บริษัท ปาร์คกิ้งฯ จึงได้จดทะเบียนขึ้นมาด้วยทุน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการรับค้ำประกันหนี้สินให้บุคคลอื่น หรือบริษัทอื่น หรือนำทรัพย์สินของบริษัทค้ำประกันหนี้ให้ ตั้งอยู่ที่ 2210/50 ชั้น 4 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม.
กรรมการบริษัท มีนายธรรศ นายจุมพล และนายธนกฤต
หลังจากนั้น วันที่ 27 เม.ย. 2553 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง ครั้งที่ 2/2553 มีมติให้ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ของ บริษัท ปาร์คกิ้งฯ จำนวน 4 แสนหุ้น ในราคาหุ้นละ 100 บาท ทำให้ทุนจดทะเบียนจาก 5 ล้านบาท เพิ่มรวมทั้งหมดเป็น 240 ล้านบาท
จากโครงสร้างผู้ถือหุ้นเดิมในบริษัท ปาร์คกิ้งฯ (5 หมื่นหุ้น) บริษัท วี ดับเบิ้ลยู ไอ เอ็น ถือหุ้นอยู่ 27,500 หุ้น คิดเป็น 55% รองลงมาคือ บริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ ด้วยจำนวน 2 หมื่นหุ้น คิดเป็น 40% และนายธนกฤต ถือ 2,500 หุ้น หรือ 5%
เมื่อเพิ่มทุนเข้าไป มีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริษัท โดยนายจุมพลกับนายธนกฤตยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่เอาชื่อนายธรรศออกแล้วใส่ชื่อนายพลสิทธิ ภูมิวสนะ กับ น.ต.ธีรนันท์ สุทธิจักร เข้าไปแทน
ในขณะที่โครงสร้างใหม่ผู้ถือหุ้นบริษัท วี ดับเบิ้ลยู ไอ เอ็น ยังคงถือหุ้นใหญ่ 8.4 แสนหุ้น (35%) รองลงมาคือ บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น กับบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง ถือหุ้นบริษัทละ 4 แสนหุ้น (16.67%) ตามมาด้วยบริษัท ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่น 3 แสนหุ้น (12.50%)
นายธีรพงษ์ บุญศรี 2.2 แสนหุ้น (9.17%) โดยบริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ กับนายธนกฤต แบ่งกันไปอีกคนละ 1.2 แสนหุ้น (5%) รวมทั้งหมด 2.4 ล้านหุ้น หุ้นละ 100 บาท
ทั้งนี้ มูลค่ารวมของเงินลงทุน 40 ล้านบาท ต้องจ่ายชำระค่าหุ้นให้เสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ค. 2553
นายประวัติ หาดปิ่นขจรจารุ ทนายความของบริษัท ปาร์คกิ้งฯ เล่าว่า ระหว่าง 1 เดือนแรกของการเปิดบริษัท นายธรรศยอมให้บริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ และบริษัท วี ดับเบิ้ลยู ไอ เอ็น เข้ามาดำเนินการจัดการบริหารพื้นที่ลานจอดรถก่อน
จนกระทั่งวันที่ 23 เม.ย. (3 วันก่อนที่ประชุม บริษัท เจนเนอรัลฯ มีมติให้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัท ปาร์คกิ้งฯ) นายธรรศอ้างว่ามีการปลอมแปลงรายงานการประชุม มีการปลอมลายเซ็นของตนเอง โดยเปลี่ยนชื่อกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ จากนายธรรศมาเป็นนายธนกฤต
นั่นทำให้นายธรรศเข้าแจ้งความที่ สน.บางพลัด ดำเนินคดีในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร หลังจากนั้นนายธรรศได้จัดเจ้าหน้าที่และพนักงานเข้าดำเนินการจัดการบริหารพื้นที่ลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิแทน
ความขัดแย้งในผลประโยชน์นี้ค่อยๆ เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังจากที่นายธรรศได้แจ้งความต่อ สภ.ราชาเทวะ
กล่าวหาว่านายธนกฤตปลอมลายมือไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ปาร์คกิ้งฯ โดยทำหนังสือคัดค้านไปยัง ทอท. และร้องขอให้สำนักทะเบียนธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ สั่งเพิกถอนการจดทะเบียนดังกล่าว
ส่วนนายธนกฤตนำพนักงานเข้าไปเก็บเงินสดจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการลานจอดรถ มีรายได้เฉลี่ยวันละ 8 แสน-1 ล้านบาท
ขณะที่นายธรรศต้องนำเงินไปค้ำประกันไว้กับธนาคารกสิกรไทย มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท ตามข้อตกลง เมื่อครั้งเสนอซองประมูลที่ว่าจะต้องนำเงินไปค้ำประกันสัญญารายได้ 105,930,000 บาท พร้อมหลักประกันสัญญาเช่าพื้นที่อีก 13,568,880 บาท แต่นายธรรศกลับไม่มีสิทธิเข้าไปเกี่ยวข้องและรับรู้รายได้ตั้งแต่แรกที่เริ่มดำเนินงาน
ต่อมานายธรรศพาพวกเข้ารื้อค้นสำนักงานของนายธนกฤต ทำให้นายธนกฤตเรียกค่าเสียหาย 55 ล้านบาท
หลังจากนั้น 3 มิ.ย. 2553 นายธนกฤตได้มอบอำนาจให้ทนายความนำตำรวจกองปราบปรามกว่า 36 นาย พร้อมอาวุธสงครามประเภท M-16 เข้าไปยังบริษัท ปาร์คกิ้งฯ อีกครั้งเพื่อขอเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร ก่อนที่ตำรวจกองปราบปรามจะเดินทางกลับ หลังจากตรวจสอบไม่พบว่าบริษัทกระทำความผิด ด้านนายธรรศเองก็ยินดีที่จะให้ทางนายธนกฤต และนายจุมพล เข้าร่วมบริหารจัดการลานจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่จะต้องชำระค่าหุ้นจำนวน 5 ล้านบาท และรายได้ของเดือนแรกที่ทั้งคู่เข้ามาบริหารจัดการรายได้ค่าจอดรถจำนวน 20 ล้านบาทก่อน
เนื่องจากบริษัท ปาร์คกิ้งฯ มีรายได้จากการบริหารพื้นที่ลานจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจำนวน 24 ล้านบาทต่อเดือน แต่ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้แก่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เดือนละ 22 ล้านบาท
เบื้องหลังของการกล้าพาพวกมารื้อค้น ในส่วนของนายธรรศ ลูกชายของ พล.อ.อ.ประวิช พจนประพันธ์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตวุฒิสมาชิก ได้ทำธุรกิจด้านบันเทิง โดยจัดตั้งบริษัท ธนะวิโรจน์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และบริษัท รอยัล มัลติมีเดีย ดีเวลล็อปเมนท์ ร่วมกับนายฐิติพันธุ์ เกยานนท์ หรือ “ลูกกอล์ฟ” มาตั้งแต่ปี 2551 โดยนายฐิติพันธุ์ เป็นลูกชายของ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ (ตท.รุ่นที่ 6) กับนางพรเพ็ญ เกยานนท์ โดยมีพี่สาว 1 คน คือ “ลูกเต๋า” น.ส.ฐิตะวดี เกยานนท์
ล่าสุด 31 ส.ค. 2553 ทั้งสองคนนี้ยังได้จับมือกันตั้งบริษัท บ้านกอปรโหร ด้วยทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการรับพยากรณ์ โชค ดวง ชะตา ราศี ดูฤกษ์ยามมงคล ดูฮวงจุ้ย รับจัดทัวร์นำเที่ยวไหว้พระตามสถานที่
นอกจากนี้ นายธรรศยังถือว่าเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของบริษัท อิสริยา พร็อพเพอร์ตี้ ที่มีทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด เปิดเผยว่า บริษัท ปาร์คกิ้งฯ มีกลุ่มนายทหารระดับเสนาธิการ สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด เป็นที่ปรึกษา ต่อมามีปัญหาภายในเรื่องการเงิน และเรื่องต่อสัญญา กลุ่มของ เสธ.เฮ้าส์ และ เสธ.แขก จึงนำกำลังเข้าผลักดันกลุ่มของ เสธ.หิ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีเหตุรุนแรง
โดยกลุ่มทหารทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิว่าเป็นผู้ได้รับมอบให้เข้าบริหารจัดการด้านการเงินของบริษัท
แต่ทั้งนี้ เรื่องราวยังไม่จบง่ายๆ เพราะแว่วว่ามีนักการเมืองส่งสัญญาณทวงสัญญาใจจากทั้งสองคน ที่บอกจะให้หลังช่วยเหลือให้ได้รับสัมปทานนี้ เป็นส่วนแบ่ง 100 ล้านบาท หากไม่เช่นนั้นก็จะไม่รับประกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เรียกได้ว่าดูไม่จืดเลยทีเดียวและถึงแม้ว่า ทอท. จะยกเลิกสัญญาสัมปทานลานจอดรถกับบริษัท ปาร์คกิ้งฯ แล้วหลังจากผิดเงื่อนไขนัดส่งรายได้
พูดกันทั่วลานจอดรถสุวรรณภูมิว่า นักการเมืองคนดังกล่าวย้ำชัดต้องได้รับส่วนแบ่งครบถ้วน 100 ล้านบาท มิเช่นนั้นจะถือว่าเสียศักดิ์ศรี โดยเครือข่ายนักการเมืองคนดังกล่าวนั้นมีอิทธิพลทั้งในกระทรวงคมนาคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปัจจุบัน
เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัว การบริหารอาคารจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิมีเงินหมุนเวียนเดือนละกว่า 25 ล้านบาท ได้กระชากหน้ากากนักการเมือง ตำรวจ ทหาร นักธุรกิจ มาเฟีย โยงให้เห็นหนึ่งในหลายผลประโยชน์ที่กัดกินสนามบินของชาติซึ่งยังมีการทึ้งผลประโยชน์กันอีกเพียบ


