posttoday

กองปราบจับแก๊งลวงขายวัตถุมงคล ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

06 พฤศจิกายน 2560

ตำรวจกองปราบจับแก๊งหลอกขายวัตถุมงคลผ่านเฟซบุ๊ก เผยพฤติกรรมอวดอ้างว่านำเข้าจากต่างประเทศ

ตำรวจกองปราบจับแก๊งหลอกขายวัตถุมงคลผ่านเฟซบุ๊ก เผยพฤติกรรมอวดอ้างว่านำเข้าจากต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามแถลงการจับกุม น.ส.สุมาลี และ นายประจวบ สองสามีภรรยา และ นางพานิตย์ ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมของกลาง วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังต่างๆ ที่อ้างว่านำเข้าจากประเทศอินเดีย และเมียนมา ผ่านพิธีการปลุกเสก 7 วัน 7 คืน อาทิ พระพิฆเนศ สาริกา ไม้กฤษณาขาว จี้หยก ข้าวสารสี ธํญพืช หนูมุสิกะ สร้อยหิน และผ้ายันต์ต่างๆ จำนวนหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่จับกุม น.ส.สุมาลี และนายประจวบ ได้ในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย ส่วนนางพานิตย์ จับกุมได้ใน อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รองผบก.ป.) กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบฯว่าถูกผู้ต้องหาทั้งหมด หลอกลวงขายวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง ประเภท สาลิกาลิ้นทอง พระพิฆเนศ จี้หยกหัวใจเศรษฐี ฯลฯ อ้างว่าจะทำให้ร่ำรวย มีโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา โดยมีการเสนอข่ายผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “Pumpuy Apple Shop” และ “สุมาลี เลิศวิลัย” โดยโฆษณาอวดอ้างว่านำเข้าจากประเทศอินเดีย ประเทศเมียนมา เสนอขายให้ราคาสูงนับตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักแสนบาท มีผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก จนเกิดมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท

พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวต่อว่า ภายหลังได้รับเรื่องและมีการตรวจสอบ พบว่าสินค้าที่มีการนำมาหลอกขาย อาทิ สาลิกาต่างๆ เมื่อส่งให้ทางกรมป่าไม้ตรวจสอบ กลับพบว่าเป็นเพียงไม้ไผ่และพืชตระกูลถั่ว มีแหล่งขายที่ย่านวัดราชนัดดา และท่าพระจันทร์ กทม.รวมทั้งในพื้นที่ จ.ลำปาง ไม่ได้ถูกนำเข้าจากต่างประเทศ

ส่วนจี้หยกหัวใจเศรษฐี ส่งตรวจที่กรมทรัพยากรธรณี ก็พบว่าไม่ได้เป็นหยกแท้อย่างที่กล่าวอ้าง

ขณะเดียวกัน เมื่อตรวจสอบประวัติ น.ส.สุมาลี ก็พบว่ามีอาชีพเป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดใน จ.ภูเก็ต ก่อนจะหันมาจับธุรกิจขายสร้อยหินผ่านทางออนไลน์ และออกอุบายหลอกลวงประชาชนโดยการขายสินค้าดังกล่าว โดยมี นายประจวบ สามี ร่วมกระทำความผิด ส่วนนางพานิตย์ เป็นผู้เปิดบัญชีธนาคารที่ถูกใช้ในการกระทำความผิด จึงรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนติดตามจับกุมตัวทั้งหมดไว้ได้ดังกล่าว

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนรับไว้ดำเนินคดี

อย่างไรก็ดีพนักงานสอบสวนมั่นใจในพยานหลักฐานต่างๆ ว่ามีความแน่นหนามากเพียงพอที่จะเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมดได้ และได้เตรียมขยายผลทางคดีโดยหากพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงผู้ใดอีกก็จะพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติม ส่วนพฤติการณ์กระทำความผิดดังกล่าวเข้าข่ายเป็นลักษณะแชร์ลูกโซ่ด้วยหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบในรายละเอียด ซึ่งหากพบว่าเป็นความผิดก็จะพิจารณาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ด้วย

ข่าวล่าสุด

บอร์ดเคาะแล้ว “ทรงพล” MD ออมสินคนใหม่ รอชัดอำนาจรักษาการเซ็นได้หรือไม่