posttoday

One Destination For all ตราดเปิดประตูเชื่อมท่องเที่ยว 3 ชาติ

19 สิงหาคม 2560

แหล่งท่องเที่ยวในถนนสายนี้ ตั้งแต่กรุงเทพฯ พัทยา ระยอง ตราด ในประเทศไทย และในกัมพูชา จากเกาะกง สีหนุวิลล์ กัมปอต และกรุงแกป ก้าวไปสู่จังหวัดเกียนยาง และคะเมา ในเวียดนามตอนใต้ที่มีเกาะฟูก๊วกอันลือชื่อและกำลังมีความเติบโตอย่างมาก

โดย...จักรกฤษณ์ แววคล้ายหงษ์

ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียน ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยมากกว่า 30 ล้านคน ซึ่งในปี 2560 สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 33.73-34.39 ล้านคน เติบโต 3.75-5.78% เมื่อเทียบกับปี 2559 คิดเป็นรายได้ 1.82-1.85 ล้านล้านบาท เติบโต 8.98-10.78% จากปี 2559

ขณะเดียวกัน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็ตั้งเป้าว่า ในปี 2560 จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2.77 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 1.81 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และจากนักท่องเที่ยวในประเทศ 9.53 แสนล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายคือ ประเทศจีน มาเลเซีย รัสเซีย อังกฤษ และออสเตรเลีย

ภาคตะวันออกของไทยมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยือนกันเป็นจำนวนมากทุกๆ ปี เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ซึ่งเตรียมจะขยายการท่องเที่ยวโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน

กฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคตะวันออก ททท. เปิดเผยแผนพัฒนาการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านว่า ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาภาคตะวันออกกว่า 10 ล้านคน มีรายได้มากกว่าแสนล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และยังสามารถเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้งกัมพูชาและเวียดนามได้ตามเส้นทางสายอาร์ -10 หรือ R-10 (Southern Coastal Corridor Road)

“วันนี้ แหล่งท่องเที่ยวในถนนสายนี้ ตั้งแต่กรุงเทพฯ พัทยา ระยอง ตราด ในประเทศไทย และในกัมพูชา จากเกาะกง สีหนุวิลล์ กัมปอต และกรุงแกป ก้าวไปสู่จังหวัดเกียนยาง และคะเมา ในเวียดนามตอนใต้ที่มีเกาะฟูก๊วกอันลือชื่อและกำลังมีความเติบโตอย่างมาก”

ล่าสุด ช่วงปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ททท.สำนักงานภาคตะวันออก นำผู้ประกอบการในจังหวัดที่ติดกับกัมพูชา ประกอบด้วย จ.อุบลราชธานี สุรินทร์ สระแก้ว นครนายก ระยอง ตราด รวมทั้งกรุงเทพฯ และภาคใต้ เดินทางสำรวจเส้นทาง R-10 เชื่อมการท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา 

การเดินทางครั้งนี้ เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิมาลงที่สนามบินพนมเปญ และเข้าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในพนมเปญ ทั้งพระบรมมหาราชวัง วัดพนม จากนั้นเดินทางมายังจังหวัดทางตอนใต้ที่มีชายทะเลสวยงาม ประกอบด้วย กรุงแกปจังหวัดกัมปอต จังหวัดพระสีหนุหรือสีหนุวิลล์ และจังหวัดเกาะกง

กฤษฎา กล่าวว่า การเลือกเส้นทางสาย R-10 เพราะมองเห็นว่าภูมิภาคตะวันออกของไทยสามารถเชื่อมโยงการท่องเที่ยวของไทยกับจังหวัดชายทะเลของกัมพูชาและจังหวัดทางเวียดนามตอนใต้ได้ ภายใต้แนวความคิด “1 แหล่งท่องเที่ยว ใน 1 ภูมิภาค” เพื่อใช้เป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งมีศักยภาพที่จะยกระดับการท่องเที่ยวทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเลระหว่างกันได้ โดยเฉพาะทางทะเลที่ จ.ตราด มีท่าเรือที่ อ.คลองใหญ่ และภาคตะวันออกมาพัทยาและแหลมบาลีฮาย และในกัมพูชาก็มีท่าเรือน้ำลึกที่สีหนุวิลล์ รวมทั้งเวียดนามตอนใต้มีเกาะฟูก๊วกที่มีชื่อเสียง ซึ่งจะยิ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น

“นอกจากนี้แล้ว การได้นำผู้ประกอบการภาคเอกชน และผู้บริหาร ททท.ในจังหวัดที่ติดกับกัมพูชาและจังหวัดในภูมิภาคอื่นๆ ที่ทำงานด้านการตลาด จะได้เห็นแหล่งท่องเที่ยว เส้นทางในหลายมุมมอง และเห็นการทำงานที่จะเพิ่มประสบการณ์และเพิ่มทักษะเพื่อให้บุคลากรเหล่านี้เติบโตและเป็นกำลังสำคัญต่อไป”

กฤษฎา มองว่า การเดินทางมายังราชอาณาจักรกัมพูชาในครั้งนี้ เพื่อนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยว เส้นทางเชื่อมโยงระหว่างไทย-กัมพูชา และเป็นการพบปะแลกเปลี่ยนแนวคิดในการส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน เพื่อนำเสนอขายเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ภายใต้แนวคิด One Destination For all เพื่อเป็นทางเลือกและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างไทย-กัมพูชา และความร่วมมือทางธุรกิจของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในการเดินทางท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศให้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง Asean Economic Corridor : AEC

ด้าน Sochet Kresna ผู้อำนวยการท่องเที่ยวจังหวัดสีหนุวิลล์ ซึ่งนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวมาร่วมหารือกับคณะจากประเทศไทยก็กล่าวว่า ประโยชน์ในการที่จะทำให้เกิดการท่องเที่ยวระหว่างกัน ชาวกัมพูชามีความสนใจที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย โดยเดินทางด้วยรถยนต์เข้ามาที่ จ.ตราด โดยมีจุดหมายคือพัทยา ส่วนนักท่องเที่ยวไทยก็จะหลั่งไหลมาจังหวัดสีหนุวิลล์เพิ่มมากขึ้น

“เรามีการปรับปรุงในเรื่องสิ่งแวดล้อม การบริการ และการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก เพื่อสร้างจุดขายและเป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไทยเข้ามามากขึ้น รวมทั้งหากสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินที่มีเที่ยวบินมาจาก จ.ตราด ได้จะยิ่งทำให้เกิดการท่องเที่ยวมากขึ้นด้วย” ผู้อำนวยการท่องเที่ยวจังหวัดสีหนุวิลล์ กล่าว

ด้าน วรรณประภา สุขสมบูรณ์ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานตราด กล่าวว่า จ.ตราด เป็นประตูของการเดินทางสู่ 3 ประเทศ การเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว 3 ประเทศบนถนนสายR -10 ใช้ 3 ประเทศกำหนดเป็น 1เดสติเนชั่น เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างกัน ซึ่งมี จ.ตราด เป็นประตู ทำให้ประเทศไทยที่มีศักยภาพที่ดีกว่าทั้งการบริการและคุณภาพในหลายด้านจึงจะได้ประโยชน์มากที่สุด

“ผู้ประกอบการได้พูดคุย เจรจาแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว การจัดทริปแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น โดยใช้ จ.ตราด เป็นประตูเข้าออก และเราพยายามดึงให้นอนค้างที่ จ.ตราด อย่างน้อย 2 คืน ซึ่งนับจากนี้ต่อไปก็จะมีการเดินทางและการติดต่อทางธุรกิจระหว่างกันเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นจากการจัดเจรจาขึ้น”

นี่คือจุดเริ่มต้นของการเชื่อมโยงท่องเที่ยว 3 ประเทศ โดยผ่านประตูเพียงหนึ่งเดียวที่ จ.ตราด จาก 1 จุดหมายที่ จ.ตราด ก็จะเชื่อมโยงต่อไปยังพื้นที่อื่นๆ ในอีก 2 ประเทศ ซึ่งถือเป็นโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่ในภูมิภาคนี้