"ต้นศรีตรัง ต้นไม้ของพ่อ" ยังไม่ตาย แตกหน่อใหม่แล้ว
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราช เผย “ต้นศรีตรัง” ในสวนลานพระราชานุสาวรีย์ฯ ยังไม่ตายและตอนนี้ได้แตกหน่อขึ้นมาแล้ว
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราช เผย “ต้นศรีตรัง” ในสวนลานพระราชานุสาวรีย์ฯ ยังไม่ตายและตอนนี้ได้แตกหน่อขึ้นมาแล้ว
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ขณะนี้ “ต้นศรีตรัง” หนึ่งในสองต้นซึ่งเป็นต้นไม้ที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเคยปลูกไว้ภายในโรงพยาบาลศิริราช บริเวณสวนของลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ด้านหน้าอาคารศาลาศริริราช 100 ปี นั้น ยังไม่ตาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่า ต้นดังกล่าวได้ยืนต้นตาย อย่างไรก็ตามขณะนี้ต้นศรีตรัง ต้นดังกล่าวได้มีการแตกหน่อเล็กๆ ขึ้นมาตรงโคนต้นแล้ว แต่ยังไม่ขอรีบสรุป เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง กำลังพยายามดูแลอภิบาลกันอย่างต่อเนื่อง
“ตอนนี้ ต้นศรีตรัง ยังไม่ตาย แต่ต้นยังไม่โตเท่าที่ควร และอาจจะเร็วเกินไปที่จะสรุป ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างใด จะแจ้งข่าวให้ทราบต่อไป”
ด้าน เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การแตกหน่อของต้นไม้ ก็อาจถือว่ายังมีอยู่ แต่ถึงอย่างไรต้องดูว่าการแต่หน่อดังกล่าว เป็นการแตกจากต้นเดิมหรือไม่ ซึ่งมีความเป็นได้สูง
อย่างไรก็ตาม ต้นศรีตรังต้นนี้ เป็น 1 ใน 2 ต้นที่พระองค์ได้ทรงปลูกไว้เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2554 และเมื่อช่วงปี 2559 มีข่าวว่า ต้นศรีตรังต้นนี้ได้ยืนต้นตาย หลังมีคนพบว่าใบของต้นเริ่มมีลักษณะสีเหลืองและร่วงลงมาอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 2-3 วัน
สำหรับ ต้นศรีตรัง เป็นต้นไม้ประจำถิ่นของประเทศบราซิล และทวีปอเมริกาใต้ ถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว ที่จังหวัดตรัง โดยพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี อดีตผู้ว่าราชการเมืองตรัง สมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต จากนั้นต้นศรีตรัง ถูกยกให้เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดตรัง และมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า แคฝอย
ลักษณะทั่วไปของต้นศรีตรังเป็นไม่ยืนต้น วงศ์เดียวกับชมพูพันธุ์ทิพย์ ความสูงเฉลี่ยนประมาณ 4-10 เมตร ใบมีลักษณะเรียวคล้ายปลายขนนกช่วงปลายแหลม ต้นศรีตรังมี 2 ชนิดด้วยกัน คือ ชนิดที่มีช่อดอกที่ปลายยอด กับชนิดที่มีช่อดอกออกตามซอกใบตามกิ่งก้าน และปลายยอด โดยชนิดหลังเป็นที่นิยมปลูกมากในประเทศไทย เนื่องจากลักษณะต้นเป็นทรงพุ่มคอนข้างโปร่ง คนไทยจึงนิยมปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อให้ร่มเงาแก่บริเวณบ้าน ส่วนในที่ต่างประเทศนิยมปลูกตามข้างทางเรียงเป็นทิวแถวตามถนนเพื่อความสวยงาม


