คนขนอมเปิดศึกแย่งคืนที่ดินปตท.เบี้ยวเงินชดเชย
ชาวบ้านสุดทนเตรียมเปิดศึกแย่งคืนที่ดินจากโรงแยกก๊าซบริษัท ปตท.หลังรอนาน 18 ปีไม่ได้รับค่าตอบแทน
ชาวบ้านสุดทนเตรียมเปิดศึกแย่งคืนที่ดินจากโรงแยกก๊าซบริษัท ปตท.หลังรอนาน 18 ปีไม่ได้รับค่าตอบแทน
นายจรุง เสือทอง อยู่บ้านเลขที่ 39 ม.1 ต.ขนอม อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ร้องเรียนสื่อพร้อมเอกสารหลักฐานในการติดต่อประสานงานกับบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) กรมป่าไม้ จังหวัดนครศรีธรรมราช หรือโรงแยกก๊าซขนอม ในกรณีที่บริษัท ปตท.ได้เข้ามาขอซื้อที่ดินและพื้นที่ครอบครองเพื่อจัดสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัดมหาชน ซึ่งตั้งอยู่ที่ เขาชัยสน ม.1 ต.ท้องเนียน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นที่ดินบางส่วนที่มีการก่อสร้างและดำเนินกิจการโรงแยกก๊าซของบริษัท ปตท.นับตั้งแต่ปี 2535 จนมาถึงปัจจุบันเป็นเวลารวม 18 ปี แต่ตลอดเวลา 18 ปีที่ผ่านมานั้นไม่ได้มีการชำระค่าที่ดิน หรือการเข้าใช้ประโยชน์ใดๆให้กับผู้เสียหายเลย โดยหากไม่มีการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 2 ต.ค. นี้จะรวมกับชาวบ้านไปปักกันแนวเขตที่ดินที่เคยครอบครองกรรมสิทธิ
นายจรุง กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2535 เจ้าหน้าที่บริษัทปตท.ในขณะนั้นคือการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เข้าติดต่อขอซื้อที่ดิน 2 แปลงในเขต นส.3ก. และที่ดินครอบครองมรดกตกทอดซึ่งมีสิทธิตามมาตรา 12 แห่ง พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ประมาณ 7-2-84 ไร่ในราคาไร่ละ 1 ล้านบาท ซึ่งได้มีการตอบรับและยืนราคานี้จนถึงเดือนส.ค. 2535 ในปีเดียวกัน แต่ได้มีการขอให้ยืนราคาต่อไปจนถึงเดือนก.ย. 2535 เพื่อดำเนินการขั้นตอนจัดซื้อซึ่งตนได้ตกลงยินยอม
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นปรากฏว่ามีตัวแทนของบริษัทแจ้งว่า ตกลงจ่ายผลอาสินให้ไร่ละ 1 แสนบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเพราะ ปตท.ได้ยอมรับในการชำระค่าที่ดินไร่ละ 1 ล้านบาท ในปัจจุบันนี้ราคาสูงถึงไร่ละ 14-15 ล้านบาท ซึ่งตลอดมาหลังจากนั้น ปตท.ได้เข้าไปบุกรุกก่อสร้างโรงแยกก๊าซ หน่วยที่ 4 ขึ้นรวมเป็นเวลามาแล้วกว่า 17-18 ปี ต่อมาในปี 2552 ปตท.ได้ดำเนินเรื่องซ้ำซ้อนคือการขอใช้พื้นที่เขตป่าสงวนตามคำขอลงวันที่ 30 เม.ย.52 ซึ่งในแผนที่ปรากฏชัดอยู่แล้วว่าเป็นที่ดินของนายจรุง แต่ ปตท.ยังคงเดินหน้า และตัดโค่นทำลายต้นมะพร้าวทั้งหมด และสร้างโรนงแยกก๊าซ หน่วยที่ 4 ขึ้นจนมาถึงปัจจุบัน
“ผมจำเป็นต้องดำเนินเรื่องนี้ให้จบเพราะอายุมากแล้วแต่ยืนยันว่าความจำยังดี หนังสือทุกฉบับร่างเองทั้งนั้น แม้ว่าจะถูกคนของ ปตท.เยาะเย้ยถากถาง ซึ่งได้นำเรื่องนี้เข้าร้องเรียนกับอำเภอ กับผู้ว่าราชการจังหวัดมีการประชุมหาข้อยุติกัน โดยมีเจ้าของเรื่องที่ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอคือ ว่าที่ ร.ต.ชลิต มณีรัตน์ โดยมีการประชุมเมื่อ 20 ส.ค.53 ที่ผ่านมา ซึ่งได้พิจารณาสาระสำคัญข้อร้องทุกข์คือ 1.แสดงเจตนาบริสุทธิ์ที่จะยืนยันราคาเดิมคือไร่ละ 1 ล้านบาท นับตั้งแต่ 20 ต.ค. 2553 จนถึงปัจจุบันพร้อมดอกเบี้ยตามอัตรากฎหมายกำหนด และ2.หาก ปตท.เพิกเฉยไม่มีความจำเป็นใช้พื้นที่ ผู้ร้องคือตนจะเข้าไปใช้สิทธิครอบครองทำประโยชน์ ซึ่งในการประชุมนายสมนึก แพงวาปี ผู้แทนบริษัท ปตท.แจ้งในที่ประชุมว่าไม่มีอำนาจตัดสินใจ” นายจรุงกล่าว
ด้านว่าที่ ร.ต.ชลิต มณีรัตน์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ.ขนอม กล่าวว่า ในเรื่องนี้ได้มีการประชุมกันไป 3 รอบแล้ว ครั้งล่าสุดได้เชิญฝ่ายกฎหมายของ ปตท.มาร่วมด้วยซึ่งสรุปความได้ว่าการที่ ปตท.จะไปชำระแค่ผลอาสิน 1 แสนบาทนั้นจะไม่เป็นธรรมเนื่องจากที่ดินที่นายจรุงครอบครองนั้นชอบด้วยกฎหมาย
“อีกส่วนนั้นนายจรุงมีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจน และได้ดำเนินการต่อสู้มาโดยตลอด 17-18 ปีที่ผ่านมา แต่เวลานี้อายุมากแล้วจึงรีบทำให้เสร็จเพื่อไม่มีปัญหาถึงลูกหลาน ส่วนของ ปตท.นั้นผมเห็นใจเช่นกันเนื่องจากกรับวนการเรื่องนี้ในพื้นที่คงดำเนินการไม่ได้เนื่องจากเป็นรัฐวิสาหกิจการดำเนินการต้องมีความชัดเจนตามลำดับ”ร.ต.ชลิต กล่าว
ขณะที่นายเรืองศักดิ์ วงศ์วันดี ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ โรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอม บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของ ปตท.นั้นตอนนี้ยังไม่สามารถชำระเงินให้ได้ เนื่องจากยังมีปัญหาที่ยังพบในเอกสารสิทธิ์ยังไม่ตรงกัน ซึ่งได้เชิญนิติกรของ ปตท.มาดูแลในปัญหานี้และได้นำขึ้นไปปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกครั้ง เนื่องจากการจ่ายเงินนั้นจะต้องถูกตรวจสอบโดย สตง.ดังนั้นทุกอย่างจะต้องมีระเบียบกฎหมายควบคุมเคร่งครัด
“เรายืนยันว่าแนวทางการแก้ไขปัญหานั้นจะต้องดูแลซึ่งกันและกัน ปตท.ไม่อยากให้เกิดปัญหาความไม่เข้าใจกันในชุมชน ส่วนประเด็นที่ทางลุงจรุงจะมาปักกันแนวเขตนั้นไม่อยากให้เกิดขึ้น ซึ่งคงต้องคุยกันก่อน” ผจก.ฝ่ายปฏิบัติการโรงแยกก๊าซขนอม บริษัท ปตท.จำกัด กล่าว


