นักฟิสิกส์มหิดลคว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี60
อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ ม.มหิดล ผู้ไขปริศนาจักรวาลและพายุสุริยะ คว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี60รับโล่และเงินรางวัล400,000บาท
อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ ม.มหิดล ผู้ไขปริศนาจักรวาลและพายุสุริยะ คว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี60รับโล่รางวัลพระราชทานและเงินรางวัล400,000บาท
มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย ศ.ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล ประธานกรรมการรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ในฐานะอธิการบดี สถาบันวิทยสิริเมธี หรือ VISTEC เปิดเผยว่า ในปีนี้คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เดวิด รูฟโฟโล อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2560 รับโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องจากเป็นผู้ริเริ่มงานวิจัยทางด้านฟิสิกส์อวกาศในประเทศไทยมานานกว่า 25 ปี มีความเชี่ยวชาญด้านกัมมันตรังสีรอบโลกและเป็นผู้พัฒนาเกี่ยวกับรังสีคอสมิก ซึ่งเป็นอานุภาคพลังงานสูงที่เกิดจากพายุสุริยะในอวกาศที่มีผลต่อกิจกรรมทางทเศรษฐกิจในอวกาศและในบรรยากาศโลก
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เดวิด ยังเป็นแกนนำในการสร้างทีมนักวิจัยเพื่อจัดตั้งสถานีตรวจวัดนิวตรอนสิรินธร ณ ยอดดอยอินทนนท์ ในปี พ.ศ.2550
สำหรับรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2560 ได้แก่
1. ผศ.ดร.บูรภัทร์ อินทรีย์สังวร ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผลงาน “ตัวเร่งปฏิกิริยาด้วยแสง...สู่สังคมปลอดมลพิษ”
2. รศ.ดร.เบญจพล เฉลิมสินสุวรรณ ภาควิชาเคมีเทคนิค คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผลงาน “การเปลี่ยนพฤติกรรมของแข็งให้กลายเป็นของไหล…จากทฤษฎีสู่การประยุกต์ใช้งาน”
3. ผศ.ดร.วโรดม เจริญสวรรค์ ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผลงาน “บูรณาการศาสตร์หลากสาขา เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาด้านพันธุศาสตร์อย่างยั่งยืน”
และ 4. ผศ.ดร.วิบุญ ตั้งวโรดมนุกูล ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีผลงาน “การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการตัดด้วยเลเซอร์ สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตสมัยใหม่”
ศ.ดร.จำรัส กล่าวว่า ประเทศไทยตั้งเป้าใช้เวลา 3-5 ปี ในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค 4.0 แต่ในขณะเดียวกันประเทศไทยกำลังประสบปัญหาขาดแคลนนักวิทยาศาสตร์และผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ เช่น ถ้าเราเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนอย่างสิงคโปร์ Nanyang Technological University เพียงมหาวิทยาลัยเดียว มีผลงานวิจัยคุณภาพสูงจากการจัดอันดับของ Nature Index Journal Ranking มากกว่าประเทศไทยถึง 7 เท่า ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานและยังไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งนี้สาเหตุเกิดจากการขาดแคลนเงินลงทุนด้านการวิจัย ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้งบเพียง 0.22% ของ GDP เมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียอย่างเกาหลีใต้ ที่ใช้เงินลงทุนด้านการวิจัยมากถึง 4.25% ของ GDP
ดังนั้นทางมูลนิธิฯ จึงอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนานักวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีส่วนสำคัญยิ่งในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพราะการก้าวสู่ ไทยแลนด์ 4.0 จำเป็นต้องอาศัย คน 4.0 เช่นกัน
ทั้งนี้ การพัฒนาและขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงภายใต้โมเดล “ประเทศไทย 4.0” ของรัฐบาล จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยนักวิทยาศาสตร์และงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ เพื่อให้เกิดการพัฒนา ที่ครอบคลุมทางด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม วัสดุขั้นสูง เทคโนโลยีชีวภาพ และดิจิทัล


