ยลฉลองพระองค์ ร.6
ตรงหัวถนนเจริญกรุง ตรงข้ามสวนสราญรมย์ หรือพระราชอุทยานสราญรมย์ เป็นที่ตั้งอาคารราชวัลลภ ที่สร้างเมื่อปี 2466 สมัยรัชกาลที่ 6
โดย...ส.สต
ตรงหัวถนนเจริญกรุง ตรงข้ามสวนสราญรมย์ หรือพระราชอุทยานสราญรมย์ เป็นที่ตั้งอาคารราชวัลลภ ที่สร้างเมื่อปี 2466 สมัยรัชกาลที่ 6 ภายในอาคารนอกจากเป็นที่ตั้งหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนแล้ว ยังเป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 6 อีกด้วย
ผู้เขียนมีโอกาสเข้าชมพิพิธภัณฑ์นี้ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2560 ทั้งๆ ที่เคยผ่านบ่อยครั้ง เมื่อได้ชมก็ประทับใจ จึงขอเล่าโดยอ้างอิงข้อมูลจากเว็บเพจบ้าง จากการสังเกตด้วยตนเองบ้างพิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 6 เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 6 โดยเฉพาะ ผู้ที่ให้กำเนิดพิพิธภัณฑ์นี้ได้แก่เจ้ากรมการรักษาดินแดนเมื่อปี 2509 ที่ได้ทำหนังสือขอพระราชทานสิ่งของเครื่องใช้ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อจัดตั้งพิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 6 ขึ้น ซึ่งทางสำนักพระราชวังได้มีการตอบรับและมอบสิ่งของเครื่องใช้ของรัชกาลที่ 6 ที่สามารถจัดรวบรวมได้ให้กับกรมการรักษาดินแดน พิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 6 จึงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีสิ่งเครื่องราชูปโภคของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นจำนวนมาก
พิพิธภัณฑ์มี 2 ชั้น นิทรรศการส่วนแรกอยู่ที่ชั้น 2 เรียกว่าห้องพระบารมีปกเกล้า เป็นที่จัดเทิดพระเกียรติ จะพบโถงประดิษฐานพระบรมรูปจำลองรัชกาลที่ 6 ทรงเครื่องทรงพระมหาพิชัยยุทธ ที่ถูกต้องตามตำราพิชัยยุทธนาการโบราณราชประเพณี ที่พระองค์ทรงในวันประกาศสงครามกับเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี ทำให้ประเทศไทยเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 อย่างเต็มตัว เมื่อกราบสักการะพระบรมรูปแล้ว ก็เดินชมส่วนที่ 2-3-4-5 ตามลำดับ ทั้งหมดเป็นนิทรรศการพระราชประวัติตั้งแต่แรกพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2423 การศึกษาในประเทศอังกฤษที่ว่าเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่ทรงจบการศึกษาจากเมืองนอก ทรงบรรพชาอุปสมบท ทรงครองราชสมบัติ พระปรีชาชาญด้านการทหาร การอภิเษกสมรส จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี 2468
พระราชกรณียกิจ เช่น ทรงมีพระราชดำริจัดตั้งกิจการเสือป่าเมื่อปี 2454 ซึ่งเป็นพื้นฐานการเกิดของกำลังสำรองในปัจจุบัน ในที่นี่มีภาพการซ้อมรบเสือป่าที่ ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เมื่อปี 2462 ในพิพิธภัณฑ์จึงมีเตียงสนามที่เคยประทับ
ด้านการศึกษาทรงริเริ่มสร้างโรงเรียนแทนวัดประจำรัชกาลนั่นคือโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน และทรงยกฐานะโรงเรียนข้าราชการพลเรือนให้เป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย ด้านการปกครอง ทรงทดลองตั้งเมืองจำลองดุสิตธานีในพระราชวังดุสิตขึ้น เพื่อทรงทดลองการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ด้านวรรณกรรม ทรงแต่งวรรณกรรม โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ไว้มากมาย จนได้ชื่อว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือไว้มากที่สุดด้วย จนได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า พระมหาธีรราชเจ้า
ในด้านพระปรีชาชาญด้านการทหารนั้น ได้เสนอเรื่องราวที่พระองค์ตัดสินพระทัยนำสยามเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยในเชิงบวก จนกระทั่งได้แก้ไขสนธิสัญญาอันไม่เป็นธรรม และภายในส่วนนี้ยังได้จัดแสดงอาวุธที่ใช้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ไว้ด้วย ส่วนที่ 5 จัดแสดงประวัติความเป็นมาของหน่วยบัญชาการกำลัง
สำรอง ที่มีรากฐานมาจากเสือป่า และวิวัฒนาการมาจนเป็นหน่วยบัญชาการกำลังสำรองในปัจจุบัน
ขึ้นไปชั้นที่ 2 ก่อนอื่นต้องกราบรูปเหมือนเจ้าคุณนร หรือพระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต ที่เคยเป็นมหาดเล็กรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทตั้งแต่ยังเยาว์ ในปี 2457 ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยานรรัตนราชมานิต (พระยาพานทอง) และเป็นองคมนตรี เมื่อรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคต ได้อุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2468 ณ วัดเทพศิรินทราวาส โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถระ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ธมฺมวิตกฺโก” และครองสมณเพศตลอด จนกระทั่งมรณภาพเมื่อ 8 ม.ค. 2514 (อายุ 74 ปี) ด้านหน้ารูปเหมือนเจ้าคุณนร คือห้องรามจิตติ ภายในห้องนี้จัดแสดงเครื่องราชูปโภคส่วนพระองค์ ได้แก่ ฉลองพระองค์ ฉลองพระบาท พระมาลา เครื่องหมายต่างๆ ซึ่งหน่วยบัญชาการกำลังสำรองได้รับมอบจากสำนักพระราชวัง โดยจัดแสดงในรูปแบบของการอนุรักษ์ เพื่อรักษาให้ยาวนานที่สุด จึงมีที่ตั้งตู้จัดแสดงฉลองพระองค์ ทั้งชุดนายทหาร ชุดสากล ชุดไปรเวท และชุดที่ทรงในพระราชพิธีอื่นที่ศักดิ์สิทธิ์ นับเป็นร้อยๆ ชุด นอกจากนั้นก็เป็นฉลองพระบาทเป็นเครื่องหนังท็อปบู๊ต และพระมาลาในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งเครื่องหมายยศ และสายเสธฯ ต่างๆ ล้วนแต่เป็นของที่ทรงแล้วทั้งสิ้น ห้องในสุดเป็นห้องทรงงาน ที่มีพระบรมรูปหุ่นเท่าพระองค์จริง ประหนึ่งว่าประทับที่โต๊ะทรงงาน น่าเกรงขามยิ่ง ด้านหลังเป็นตู้หนังสือ อีกด้านหนึ่งจัดแสดงลายพระหัตถ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และแสดงธงที่สำคัญๆ คือธงมหาศาลทูลธวัช หรือที่รู้จักกันในนามธงเสือป่า และธงยุวชน
จุดที่ไม่ควรพลาดก็คือ บริเวณระเบียงด้านนอก เป็นจุดชมพระบรมมหาราชวังในมุมที่สวยงาม ต่างจากที่เราเคยชมจากสนามหลวงหรือแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าไม่ได้ไปพิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 6 ก็ไม่ได้ชมภาพหายาก โดยเฉพาะในเวลา 10.00 น. พระอาทิตย์ทอแสงเห็นพระบรมมหาราชวัง ที่ประกอบด้วยพระที่นั่งและปราสาท เช่น พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร พระที่นั่งองค์ใหม่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในเขตพระราชฐานชั้นใน สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีลักษณะเป็นพระที่นั่ง 2 องค์สร้างซ้อนกัน เป็นต้น
เมื่อชมแล้วควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงปลูกฝังความรักชาติ และความอยู่รอดปลอดภัยของชาติ ด้วยพระราชนิพนธ์ต่างๆ เช่น
“หากสยามยังอยู่ยั้ง ยืนยง เราก็เหมือนอยู่คง ชีพด้วย หากสยามพินาศลง ไทยอยู่ ได้ฤๅ เราก็เหมือนมอดม้วย หมดสิ้นสกุลไทย”
“ใครรานใครรุกด้าว แดนไทย ไทยรบจนสุดใจ ขาดดิ้น เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล ยอมสละ สิ้นแล เสียชีพไป่เสียสิ้น ชื่อก้องเกียรติงาม”


