posttoday

ห้ามโทร.ทวงหนี้หลังสองทุ่ม ครม.ผ่านกฎหมายสกัดโหด

15 กันยายน 2553

ครม.ไฟเขียวกฎเหล็กดัดหลังบริษัททวงหนี้ เชื่อปัญหาร้องเรียนลดลง

ครม.ไฟเขียวกฎเหล็กดัดหลังบริษัททวงหนี้ เชื่อปัญหาร้องเรียนลดลง

 

ห้ามโทร.ทวงหนี้หลังสองทุ่ม ครม.ผ่านกฎหมายสกัดโหด

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การติดตามทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม พ.ศ. ... โดยห้ามไม่ให้มีการคุกคาม ใช้ความรุนแรง หรือก่อให้เกิดความรำคาญ พร้อมทั้งกำหนดเวลาในการโทรศัพท์ทวงหนี้ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. วันหยุดราชการไม่เกิน 18.00 น.

นอกจากนั้น ยังห้ามไม่ให้ติดต่อโดยทางไปรษณียบัตร และห้ามไม่ให้ใช้ภาษา สัญลักษณ์ หรือชื่อทางธุรกิจของผู้ติดตามหนี้บนซองจดหมายหรือหนังสือที่จะใช้ติดต่อสอบถาม ทำให้ผู้อื่นเข้าใจได้ว่าเป็นการมาทวงหนี้

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ครม.ยังอนุมัติตั้งสำนักงานจัดการทางการเงินภาคประชาชน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขหนี้สินครบวงจร ทั้งหนี้นอกระบบ การฉ้อโกง การทวงถามหนี้และการเข้าถึงสินเชื่อของผู้มีรายได้น้อย หรือไมโครไฟแนนซ์

นายประชา ชัยสุวรรณ ประธานชมรมผู้ติดตามหนี้ที่เป็นธรรม เห็นด้วยกับการออก พ.ร.บ.ฉบับใหม่ แต่เชื่อว่าปัญหาการร้องเรียนการติดตามหนี้ที่ไม่สุภาพลดลงมาก ข่าวข่มขู่ทำร้ายกันส่วนใหญ่จะเป็นการติดตามหนี้นอกระบบหากรัฐบาลที่เข้มงวดทำให้ประชาชนไม่สามารถกู้เงินกับสถาบันการเงินหรือกู้เงินในระบบได้ เท่ากับเป็นบีบบังคับให้ประชาชนหันไปกู้เงินนอกระบบอีก อีกทั้งปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มีการออกกฎระเบียนการติดตามทวงหนี้ที่อย่างเป็นธรรมอยู่แล้ว ประกอบสถาบันการเงินมีการเข้มงวดในการว่าจ้างบริษัทติดตามทวงหนี้ มีการเพราะหากมีการทวงหนี้ที่ไม่สุภาพมีการข่มขู่ จะกระทบกับภาพลักษณ์ของสถาบันการเงินเอง

ขณะเดียวกันชมรมติดตามหนี้ที่เป็นธรรมมีการตรวจสอบควบคุมกันเอง หากได้รับการร้องเรียนจะดำเนินการตรวจสอบและมาตรการการลงโทษพนักงานที่มีความพฤติที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งบางบริาทจะมีการบันทึกการสนทนาเพื่อที่จะปรับปรุงแก้ไขการให้บริการ

ทั้งนี้ปัจจุบันคาดว่ามีบริษัทติดตามหนี้ไม่ต่ำกว่ 200 แห่ง แต่เป็นสมาชิกของ20 แห่ง ซึ่งมีส่วนแบ่งการติดตามหนี้ของสถาบันการเงินและนันแบงก์กว่า 80 % และคาดว่าหลักกฎหมายการติดตามทวงหนี้ที่เป็นธรรมมีผลบังคับใช้จะทำให้มีบริษัทติดตามทวงหนี้สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกมากขึ้น

นายชูชาติ บุญยงยศ ประธานชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล กล่าวว่า รุ้สึกดีใจที่รัฐบาลพยาบาลที่ผลักดันกฎหมายฉบับนี้ออกมาซึ่งเหมือนเป็นการให้สิทธิมนุษยชน ซึ่งการเป้นหนี้มีกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่จะกำกับดูแลให้ให้คนเป็นหนี้ต้องใช้หนี้ แต่ที่ผ่านมาเจ้าหนี้ใช้ทุกวิธีทางที่มีพฤติกรรมละเมิดสิทธิส่วนบุคคล กดดัน และละลาน ทั้งตัวลูกหนี้ ครอบครัวเพื่อนร่วมงาน รวมทั้งมีการฟ้องหัวหน้างาน เพื่อที่จะสร้างความอับอายให้กับลูกหนี้

"พฤติกรรมการติดตามทวงหนี้ยังคงมีการทวงหนี้ที่กดดันและสร้างความอับอาย เพราะบุคคลติดตามหนี้ไม่มีเงินเดือนได้รับค่าคอมมิชชั่นประมาณ 30 % ดังนั้นยอมทำทุกวิธีทางที่จะเรียกหนี้คืนโดยไม่มีมนุษยธรรม โดยเฉพาะกลุ่มติดตามหนี้ของนันแบงก์ ที่จะมีพฤติกรรมที่แย่มาก ส่วนเจ้าหน้าที่ติดตามสถาบันการเงินสุภาพมากว่าเพราะมีกฎระเบียบแบงก์ชาติควบคุมอยู่" นายชูชาติกล่าว

นอกจากนี้ยังต้องการผลักดันเรื่องการคิดอัตราดอกเบี้ยเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยกเลิกประกาศการคิดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลที่กำหนด28 % ให้ไม่เกิน 15 % เนื่องจากผิดกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีบางธนาคารและที่พบมากนันแบงก์ที่มีการระบุว่าคิดดอกเบี้ยต่ำ 0 % เพื่อหลอกล่อผู้บริโภค แต่แท้จริงมีการซ้อนค่าธรรมเนียมและค่าจัดการซึ่งสูงกว่า 28 % อีกทั้งยังพบว่ามีสถาบันการเงินบางแห่งได้คิดอัตราดอกเบี้ยตามเงินต้นคงที่ ไม่ลดต้นลดดอกเบี้ย หรือหลักการคิดดอกเบี้ยสินเชื่อทั่วไป ซึ่งทำให้ลูกหนี้ที่ไม่มีความรู้ ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยบางครั้งสูงขึ้น 60 % และคิดอัตราดอกเบี้ยเกินที่ธปท.กำหนดด้วย ซึ่งประเด็นนี้มีการฟ้องร้องต่อศาลและลูกหนี้ชนะหลายคดีแล้ว ดังนั้นธปท.ควรจะเข้ามาดูแลตรวจสอบการคิดอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมของของธนาคารพาณิย์และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์(นันแบงก์ )

 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68