ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (20)
สมเด็จพระเจ้าสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุ้ย กรมหลวงพิทักษ์มนตรี ทรงเป็นพระราชโอรสลำดับที่ 5 ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้า
โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
สมเด็จพระเจ้าสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุ้ย กรมหลวงพิทักษ์มนตรี ทรงเป็นพระราชโอรสลำดับที่ 5 ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้า กรมพระศรีสุดารักษ์กับเจ้าขรัวเงิน ประสูติในสมัยกรุงธนบุรี เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2313 เป็นพระเจ้าหลานเธอในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ทรงกำกับกรมวังและกรมมหาดไทย และทรงถวายคำปรึกษาในข้อราชการทั่วไป
พระองค์ทรงเชี่ยวชาญด้านงานช่างและนาฏศิลป์ รวมทั้งทรงเป็นกวี พระองค์ทรงเป็นผู้ที่คิดค้น เกรินบันไดนาคที่ใช้ในงานพระราชพิธีพระบรมศพซึ่งเป็นงานฝีพระหัตถ์ ทรงประดิษฐ์ของพระองค์ตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์
มีหมายเหตุคำประกาศปรากฏอยู่ในหนังสือ “เรื่องทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ์ ปี 2350” ความว่า
“มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทวิลาศ ดำเนินตรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม สั่งว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนเสนานุรักษ์ ทรงพระสุรภาพจำเริญชำนาญในราชการอยู่แล้ว ให้เสด็จเลื่อนพระนามสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า ขึ้นเป็นกรมหลวงเสนานุรักษ์นั้น พระยาอุทัยธรรมรับพระราชโองการใส่เกล้าใส่กระหม่อม ให้ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยทั่วทั้งขอบขัณฑเสมา รับพระบัณฑูรใส่เกล้าใส่กระหม่อม ชุบเส้นหมึกกระดาษฝรั่งเป็นพระอักษร 5 บันทัด”
และอีกพระองค์หนึ่ง มีคำประกาศไว้ ความว่า
“มีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาทวิลาศ ดำเนินตรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งว่า สมเด็จพระเจ้าหลานเธอเจ้าฟ้ากรมขุนพิทักษ์มนตรีนั้นทรงพระปรีชารอบรู้ราชการ ให้เสด็จเลื่อนพระนามขึ้นเป็นกรมหลวงพิทักษ์มนตรี ชุบเส้นหมึกกระดาษฝรั่งเป็นพระอักษร 3 บันทัด หมื่นทิพย์ไมตรีอาลักษ์ ชุบทั้งสองฉบับ แล้วเชิญไปไว้ ณโรงพระอาลักษณ์”
สมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงพิทักษ์มนตรี คงจะทรงรับราชการสำคัญๆ มาแต่ปลายรัชกาลที่ 1 แล้ว เพราะพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงตั้งพระราชพิธีบวรราชาภิเษก พระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) นั้น หนังสือจดหมายเหตุเรื่องตั้งพระบรมวงศานุวงศ์ ได้กล่าวขยายความพิสดารละเอียดถี่ถ้วนถึงการพระราชพิธีนี้ไว้ซึ่งในเบื้องท้ายนั้นได้มีกล่าวความอยู่ตอนหนึ่งว่า
“สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว จึงมอบพระราชทานพระนามให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล แล้วพระราชทานพระแสงดาบญี่ปุ่นฝักมะขามสีผลหว้าห่าม สำหรับกรมพระราชวังทรงแต่ก่อน จึงดำรัสฝากพระบวรพุทธศาสนา และให้ตั้งอยู่ในสุจริตธรรมราชประเพณี แล้วพระราชทานพระพรชัยศรีสวัสดิ์ ประการหนึ่ง มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่ง สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนพิทักษ์มนตรีให้สั่งไปจงทั่วให้รับพระบัณฑูร สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนพิทักษ์มนตรี รับสนองพระบรมราชโองการแล้ว จึงเสด็จออกมาสั่งจมื่นเสมอใจราช หัวหมื่นมหาดเล็กให้สั่งไปจงทั่วแล้วกรมพระราชบวรฯ เสด็จลงเรือพระที่นั่งข้ามไปพระราชวัง”
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี คงจะได้แสดงพระปรีชาสามารถให้ประจักษ์มาตั้งแต่ในรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงได้บ่งระบุไว้ในคำประกาศตั้งเป็นกรมหลวงครั้งนั้นว่า “ทรงพระปรีชารอบรู้ราชการ” ซึ่งต่อมาในรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการความตอนนี้มีปรากฏอยู่ในหนังสือพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 2 ฉบับของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ที่กล่าวไว้ว่า
“ในปีมะเมียโทศกนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน แล้วให้ข้ามฟากไปอยู่ ณ พระราชวังเดิม โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์เป็นผู้สำเร็จราชการมหาดไทย โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพ สำเร็จราชการในกรมพระกลาโหม โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ สำเร็จราชการในกรมท่า”
ตามเรื่องราวที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารดังกล่าวมาแล้วนี้ ย่อมจะตระหนักกันได้ดีโดยสามัญสำนึกว่า สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ผู้เป็นพระเชษฐานั้น ปรากฏพระนามในด้านการรบทัพจับศึกเป็นเรื่องราชการทหาร และได้ทรงออกสงครามเป็นแม่ทัพอยู่หลายครั้งหลายคราวตลอดมา ส่วนสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรีนี้ ทรงพระปรีชาชาญในด้านการปกครองและการอื่นๆ ทรงสามารถรอบรู้ไปทั่วด้าน


