บริการตรวจดีเอ็นเอ เอกสาร ยาเสพติด สลายข้อพิพาททางคดีลดความขัดแย้ง
การให้บริการจะช่วยให้ประชาชนสามารถลดข้อพิพาททางคดีความในระดับหนึ่งหรือบางครั้งไกล่เกลี่ยกันเข้าใจก็ลดปัญหาทางคดีเข้าสู่ชั้นศาล
เรื่อง:เอกชัย จั่นทอง / ภาพ:กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร
ปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมเกี่ยวกับคดีอาญาและคดีแพ่งมีผู้กระทำผิดมากขึ้น อาทิ เหตุฆาตกรรมอำพราง ปลอมแปลงเอกสาร และยาเสพติด ล้วนเป็นปัญหาซับซ้อนทางคดีทั้งสิ้น ญาติพี่น้องผู้เสียหายต่างต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรม ดังนั้นพยานหลักฐานคือหัวใจสำคัญในการเรียกร้องความยุติธรรมต่อสู้ทางคดี
เพื่อบรรเทาปัญหาเหล่านี้ทำให้ “สมณ์ พรหมรส” ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ (สนว.) กระทรวงยุติธรรม ลุกขึ้นมาสลัดความทุกข์ของประชาชนเดินหน้าเชิงรุกบริการตรวจดีเอ็นเอ และตรวจพิสูจน์อื่นๆอีกหลายด้าน พร้อมกับระบุว่า หน้าที่หลักของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์คือพิสูจน์ข้อเท็จจริง สนับสนุนงานในคดีและกำกับดูแลให้ได้มาตรฐาน ส่วนใหญ่ดำเนินการเกี่ยวกับคดีอาญาในการตรวจชันสูตรศพ รวมถึงกรณีชาวบ้านร้องเรียนเข้ามาขอความช่วยเหลือ
ผู้อำนวยการ สนว. เล่าถึงเหตุผลการทำงานครั้งนี้ว่า ปัจจุบัน สนว.มีพระราชบัญญัติการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ.2559 รองรับ โดยให้อำนาจมากขึ้น ซึ่งนอกเหนือจากรับเรื่องจากหน่วยงานราชการ ทหาร ตำรวจ ดีเอสไอ และหน่วยงานความมั่นคง ปัจจุบันสามารถเปิดโอกาสให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ให้บริการกับประชาชน ซึ่งนอกเหนือจากงานผ่าชันสูตรศพแล้ว ทางสถาบันฯ ยังดำเนินงานอีกหลายด้าน เช่น การตรวจที่เกิดเหตุ การตรวจสภาพร่างกาย การตรวจสภาพจิตใจผู้เสียหาย การตรวจสารเคมีสารพิษ การตรวจศพนิรนามและบุคคลสูญหาย
ซึ่งการให้บริการต่างๆจะช่วยทำให้ประชาชนลดข้อขัดแย้ง ลดการพิพาททางคดีความได้รวดเร็วขึ้น โดยผู้อำนวยการ สมภ์ ฉายภาพให้เห็นว่า ทางสนว.จะเปิดให้บริการประชาชนในเดือนมิถุนายนนี้ ณ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อาคารบี โดยจะดำเนินการใน 3 ส่วนสำคัญ ประกอบด้วย 1.การตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ สมมติผู้ใช้บริการอยากรู้ว่าเป็นพ่อแม่ลูก หรือเครือญาติจริงหรือไม่ ระยะเวลาในการตรวจพิสูจน์ 20 วัน
2.การตรวจพิสูจน์เอกสารตรวจลายเซ็น เช่น ผู้ใช้บริการมีปัญหาเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร ลายเซ็น ร่องรอยการลบ ขีด ขูด จนต้องฟ้องร้องเป็นคดีความสามารถขอใช้บริการให้ทางสถาบันฯ ช่วยตรวจสอบได้ เพราะบางครั้งคู่กรณีอาจมีอิทธิพล หรือใช้หลักฐานเท็จยื่นต่อศาล ระยะเวลาในการตรวจพิสูจน์ 33 วัน
3.การตรวจพิสูจน์สารเคมีในเส้นผม ยกตัวอย่าง บุตรหลานอาจต้องสงสัยว่าติดยาเสพติดหรือไม่ ทางสถาบันฯ มีนวัตกรรมสามารถดำเนินการตรวจหาสารเสพติดจากเส้นผมได้ นอกเหนือจากสารพเสพติดยังตรวจสารเคมีอื่นๆได้อีกด้วย ระยะเวลาในการตรวจพิสูจน์ 30 วัน
“ต่อไปจะต้องทำงานในเชิงรุกไม่ตั้งรับอย่างเดียว เป้าหมายสำคัญคือการลดข้อขัดแย้งของประชาชนและลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐ ทั้งนี้เมื่อประชาชนรับรู้ว่าเปิดให้บริการเรื่องของราคาใช้บริการต้องไม่แพงหรือสูงเกินไปจนประชาชนเกิดภาระ สำคัญที่สุดหากผู้ใช้บริการคนใดมีฐานะยากจนทางสถาบันฯยินดีให้บริการฟรี แต่มีเงื่อนไขต้องเป็นผู้มีฐานะยากจนจริง เช่น อาจขอดูบัตรประจำตัวผู้มีรายได้น้อย ตรวจสอบการเสียภาษี ฯลฯ”
ผอ.สมภ์ ให้ความมั่นใจในการเปิดบริการว่า สำหรับความพร้อมเปิดบริการ ทางสถาบันฯจัดเจ้าหน้าที่รับเรื่องไว้ 20 คน หากไม่มีเพียงพอจะจ้างเอาท์ซอร์สเพิ่มเติมมาเสริมรับเรื่องบริการให้เพียงพอ และหากประชาชนใช้บริการจำนวนมากทางสถาบันฯ จะให้บัตรคิวนัดเพื่อสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะเป็นการเปิดบริการนำร่องครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนเรื่องมาตรฐานการตรวจพิสูจน์แต่ละด้าน ผอ.สมภ์ ยืนยันว่าไม่ต้องห่วงเพราะสถาบันนิติวิทยาศาสตร์มีมาตรฐานรองรับอย่างดี ขณะนี้พร้อมให้บริการกับประชาชนแล้ว และในอนาคตอาจขยายการบริการไปทุกภูมิภาคโดยร่วมกับยุติธรรมจังหวัด เป้าหมายหวังบริการประชาชนให้ครอบคลุมเท่าเทียมทุกพื้นที่ทุกคน
ขณะที่ พ.ต.ต.หญิง ปวีณา กสิกิจวิวัฒน์ นักนิติวิทยาศาสตร์ ชำนาญการพิเศษ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ อธิบายขั้นตอนการตรวจพิสูจน์เอกสารว่า ในการตรวจพิสูจน์เอกสารมีการตรวจหลายอย่าง เช่น การตรวจลายมือเขียน ลายมือชื่อ การตรวจการขูด ลบ แก้ไข ชนิดหมึก ชนิดกระดาษ ตรวจเอกสารว่ามีการปลอมแปลงหรือไม่ เช่น เอกสารสิ่งพิมพ์ ธนบัตร หนังสือเดินทาง ถือเป็นการตรวจอีกประเภทนอกเหนือจากลายมือและลายเซ็น
ในการตรวจเอกสารแต่ละครั้งมีความยุ่งยากในแต่ละกรณี อย่างในความไม่ครบถ้วนของเอกสารอาจทำให้การทำงานค่อนข้างยาก เช่น เอกสารตัวอย่างไม่สมบูรณ์ ได้จำนวนน้อย เอกสารเป็นสำเนา ตรงจุดนี้จะทำให้การทำงานยากขึ้น ปกติต้องตรวจจากต้นฉบับเพราะความชัดเจนจะดีกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเอกสารที่ได้มาครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ และมีสิ่งบ่งชี้ในเอกสารให้สามารถตรวจตามหลักการทฤษฎีมากน้อยแค่ไหน ส่วนข้อจำกัดที่ยังไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้คือเรื่องของอายุลายเซ็น อายุน้ำหมึก และอายุกระดาษ
นักนิติวิทยาศาสตร์ ชำนาญการพิเศษ หยิบยกตัวเลขสถิติการตรวจพิสูจน์เอกสาร ก่อนระบุว่า ปริมาณการส่งตรวจพิสูจน์เอกสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เปรียบเทียบกับสถิติย้อนหลัง 3 ปี จะพบว่า ในปี 2557 ส่ง ตรวจพิสูจน์เอกสาร จำนวน 336 คดี ถัดมาปี 2558 ส่งตรวจพิสูจน์เอกสาร จำนวน 556 คดี และปี 2559 ส่งตรวจพิสูจน์เอกสาร จำนวน 691 คดี
“ส่วนใหญ่ตอนนี้ที่มีการส่งมาให้ตรวจพิสูจน์จะเป็นเรื่องลายมือลายเซ็น ธนบัตร หนังสือเดินทางมีไม่มาก และตรวจการต่อเติมแก้ไข อย่างลายมือเขียนกรอกลงในเช็ค ขณะเซ็นเช็คระบุลงจำนวนเงิน 5 หมื่นบาท แต่อาจพบว่ามีการต่อเติมตัวเลข 1 ด้านหน้าทำให้วงเงินเพิ่มเป็น 1.5 แสนบาท หรือกรณีอื่นๆอาจต่อเติมปรับแต่งตัวเลข 1 เป็น 4 เป็น 7 สิ่งเหล่านี้ประชาชนต้องระมัดระวัง”
พ.ต.ต.หญิง ปวีณา ฝากเตือนประชาชนด้วยว่า ก่อนเซ็นเอกสารทุกอย่างควรตรวจทานให้ถี่ถ้วน ส่วนลายมือชื่อควรให้มีความพิเศษหรือมีเอกลักษณ์ ไม่เซ็นแบบอักษรตัวเดียวหรือลายเส้นน้อยๆ ความคงที่ของลายเซ็นไม่ดี ขอแนะนำว่าถ้าลายเซ็นยังมีเอกลักษณ์ไม่พอควรวงเล็บชื่อ-นามสกุลไว้ด้วย ตรงนี้จะช่วยป้องกันได้ สำหรับคนที่หัดเซ็นลายเซ็นใหม่ควรฝึกฝนเซ็นให้คงที่ก่อนถึงนำมาใช้เซ็นในเอกสารสำคัญ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการใช้สำเนา ต้องระบุให้ชัดเจนว่าใช้ทำอะไร ระบุวัน ลงชื่อให้ชัดเจน ส่วนธนบัตรก็ใช้มือสัมผัสและยกส่องดูให้เรียบร้อย ถ้าเราไม่รีบร้อนและช่างสังเกตในการดำเนินการธุรกรรมต่างๆเราจะไม่ตกเป็นเหยื่อ
ในฐานะผู้คลุกคลีกับงานตรวจพิสูจน์พยานหลักฐาน พ.ต.ต.หญิง ปวีณา ให้นิยามไว้ว่าอาชญากรรมมันไม่มีทางสมบูรณ์แบบ แต่จะมีร่องรอยให้เราสามารถติดตามได้เสมอ…
*****************
สรุปผลการตรวจพิสูจน์และวิเคราะห์ด้านนิติวิทยาศาสตร์ยอดรวม ตั้งแต่เดือน ต.ค.59-มี.ค.60 (6 เดือน) การตรวจพิสูจน์ทั่วไปจำนวน 9,118 เรื่อง และการตรวจพิสูจน์จากพื้นที่ใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ จำนวน 376 เรื่อง รวมทั้งสิ้น 9,494 เรื่อง
แยกเป็นการตรวจพิสูจน์ 11 ด้าน ประกอบด้วย
1.การตรวจพิสูจน์และวิเคราะห์ด้านเอกสาร 205 เรื่อง
2.การตรวจพิสูจน์และวิเคราะห์ด้านอาวุธปืน ร่องรอย เครื่องมือ และฟิสิกส์ 493 เรื่อง
3.การตรวจพิสูจน์และวิเคราะห์ด้านศพนิรนามและบุคคลสูญหาย 253 เรื่อง
4.การตรวจพิสูจน์และวิเคราะห์ด้านนิติพยาธิ 3,287 เรื่อง
5.การตรวจพิสูจน์และวิเคราะห์ด้านนิติเวชคลินิก 167 เรื่อง ตรวจใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ 1 เรื่อง
6.การตรวจพิสูจน์และวิเคราะห์ด้านนิติจิตเวช 17 เรื่อง
7.การตรวจสถานที่เกิดเหตุ 1,048 เรื่อง
8.การตรวจพิสูจน์และวิเคราะห์ด้านลายนิ้วมือและฝ่ามืออัตโนมัติ 7 เรื่อง ตรวจใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ 28 เรื่อง
9.การตรวจพิสูจน์และวิเคราะห์ด้านสารพันธุกรรม (DNA) 1,961 เรื่อง ตรวจใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ 3,714 เรื่อง
10.การตรวจพิสูจน์และวิเคราะห์ด้านเคมี (ยา สารพิษ สารพเสพติด สารเคมี) 1,668 เรื่อง ตรวจใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ 3,172 เรื่อง
11.การตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ 12 เรื่อง ตรวจใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ 54 เรื่อง


