posttoday

การเดินทางของต้นกล้าผัก 37 ปี พลิกชีวิตคน

30 เมษายน 2560

วันนี้ เชกา ยังคงเดินทางอยู่ในมณฑลซานตง ของจีนแผ่นดินใหญ่ วัตถุประสงค์การเดินทางมาครั้งนี้ คือ การเรียนรู้ค่ะ

โดย...ดร.เพียงออ เลาหะวิไลย [email protected]

วันนี้ เชกา ยังคงเดินทางอยู่ในมณฑลซานตง ของจีนแผ่นดินใหญ่ วัตถุประสงค์การเดินทางมาครั้งนี้ คือ การเรียนรู้ค่ะ 1) เรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีการปลูกผัก และชมงาน Expo ผักผลไม้ที่เมืองโช้วกวง เพื่อนำมาปรับใช้ในโครงการ Smart Farmer และ 2) เรียนรู้เรื่องนโยบายเมืองอัจฉริยะของจีน เพื่อเปรียบเทียบกับเกาหลีและญี่ปุ่น...

มณฑลซานตงอยู่ห่างจากเกาหลีแค่มีทะเลเหลืองกั้นกลาง จากปลายสุดแหลมแถบชายฝั่งเวยไห่ถึงชายฝั่งเกาหลีที่อินชอนมีระยะทางเพียง 360 กิโลเมตร จึงเป็นเส้นทางหนึ่งที่ชาวจีนและชาวเกาหลีได้อพยพข้ามไปมาในยามที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งมีภัยมาตั้งแต่โบราณ ชาวจีนที่อพยพมาตั้งรกรากอยู่ในเกาหลีส่วนใหญ่ก็มาจากมณฑลซานตงนี่ล่ะค่ะ ส่วนชาวเกาหลีที่อพยพไปอยู่ที่ซานตงก็คงมีไม่น้อย เพราะเห็นมีร้านอาหารเกาหลีอยู่ทั่วไป

ในสายตาของสหายชาวจีน เขาบอกว่าเมืองโช้วกวงที่เราไปดูการปลูกผักเป็นเพียงอำเภอเล็กๆ จึงไม่มีรถไฟผ่าน และก็คงไม่มีโครงการสร้างสนามบินเพราะมีประชากรแค่ 1 ล้านคนเศษ (อั๊ยย๊ะ! เยอะกว่า 50 จังหวัดของเราเสียอีก) จึงต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่จี่หนาน แล้วนั่งรถต่อไปอีก 3 ชั่วโมงกว่า...แต่ทว่า โช้วกวงกลับมีความสำคัญอย่างมาก คือ เป็นเมืองต้นกำเนิดแห่ง “การปฏิวัติสีเขียว” (Green Revolution) ในจีน และปัจจุบันเป็นแหล่งปลูกผักผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดของจีนฝั่งทะเลตะวันออก...แอปเปิ้ลอร่อยของเกาหลีต้องมาจากนาจู ส่วนแอปเปิ้ลอร่อยของจีนจะต้องมาจากซานตงนี่ล่ะค่ะ...

การเดินทางของต้นกล้าผัก 37 ปี พลิกชีวิตคน

เรื่องราวของ “ผักพลิกชีวิต” เริ่มต้นเมื่อ 37 ปีก่อน ในหมู่บ้านกันดารที่ห่างไกล ชื่อว่า “ซานหยวนซู่” ในภาษาเกาหลีเขาเรียกว่า “ซัมวอนจู” มีคุณลุงหวางเป็นหัวหน้าหมู่บ้านในเวลานั้น คุณลุงหวางเห็นชาวบ้านยากจนข้นแค้นกันมาก ทุกบ้านปลูกข้าวสาลีและมันเทศปีละครั้งเดียว พอเข้าฤดูหนาวก็ไม่สามารถทำการเกษตรได้ จึงมีพอแค่เก็บไว้กินในครัวเรือนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านจึงมีรายได้เฉลี่ยเพียง 52 หยวนต่อคนต่อปี !...(ค่าเงินปัจจุบันราว 270 บาท)

คุณลุงหวางจึงค้นหาวิธีที่จะสามารถปลูกพืชอื่นๆ ได้ตลอดปี ในที่สุดก็ได้ทดลองปลูกกระเทียมในฤดูหนาวในกระโจมพลาสติกที่ใช้ไม้ไผ่ผูกเป็นโครง แล้วเอาเตาไฟมาจุดในกระโจมทำความร้อนและสร้างความชื้นให้แก่พืชผัก ชาวบ้านหลายคนหัวเราะขำคุณลุงหวาง ว่าทำเรื่องที่แสนจะประหลาด แต่ก็มีอีกหลายคนศรัทธามาร่วมขบวนการประหลาดนี้ด้วย

ในที่สุด คุณลุงก็ประสบความสำเร็จ สามารถเพาะปลูกผักได้ทั้งปี มีต้นทุนถูกและได้ผลผลิตมาก 5 ปีต่อมา ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 520 หยวน 10 ปีให้หลังเพิ่มเป็น 1,280 หยวน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี จนปัจจุบันนี้ ชาวบ้านปลูกผักมีรายได้เฉลี่ย 2.7 หมื่นหยวน หรือราว 1.4 แสนบาทต่อคนต่อปี...สำหรับเกษตรกรในจีนถือว่ารายได้ดีมาก หมู่บ้านนี้จึงโด่งดังไปทั่วแผ่นดินจีน ผู้หลักผู้ใหญ่คนสำคัญในพรรคคอมมิวนิสต์ยังต้องมาเยี่ยมคุณลุงหวางถึงบ้านค่ะ

การเดินทางของต้นกล้าผัก 37 ปี พลิกชีวิตคน

ทุกวันนี้ แม้คุณลุงหวางจะชราภาพมากแล้ว แต่ผลจากการ “คิดดีทำดี” ของลุงขยายผลต่อเนื่อง...หมู่บ้านซานหยวนซู่พลิกชีวิตชาวบ้านให้เป็นผู้มีกินมีใช้ แปลงผักกลายเป็นแหล่งเรียนรู้และได้ต้อนรับผู้มาเยือนจำนวนมาก กระโจมพลาสติกได้แพร่พันธุ์ออกมาเป็นกรีนเฮาส์ราคาแพงนับล้านไร่ ทั้งที่เป็นของชาวบ้าน และเป็นของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เติบโตมาจากการปลูกผักขายในกระโจมเล็กๆ นั้น

บริษัทที่ว่านี้เป็นเอกชน 100% ไม่ได้มีรัฐเป็นหุ้นส่วนเหมือนบริษัทใหญ่ๆ ทั่วไปในจีน ทำเอาเรารู้สึกทึ่งเพราะเฮียเจ้าของแกขายผักมา 17 ปี ร่ำรวยจนสามารถเอาเงินมาสร้างตึก 30 ชั้นในใจกลางเมืองได้ แถมยังมีกรีนเฮาส์ปลูกผักเอาเมล็ดพันธุ์เรียงรายบนพื้นที่กว้าง 1 กิโลเมตร ยาว 2 กิโลเมตร!...

ทั้งนี้ เพราะเฮียเดินหมากถูกทางค่ะ คือ 1) เน้นการผลิตเมล็ดพันธุ์ผักผลไม้เพื่อจำหน่ายเป็นหลัก 2) สร้าง Facility ที่สำคัญ คือตลาดกลางซื้อขายผักผลไม้ระหว่างชาวบ้านกับผู้ค้ารายใหญ่ สดจริงส่งจริงตั้งแต่ตี 2 ถึงตี 5 ทุกวัน 3) ใช้เทคโนโลยีเปิดตลาดโลก โดยร่วมทุนกับเนเธอร์แลนด์ สร้าง “ศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนผักผลไม้” แบบห้องค้าหุ้น แต่ขายผักผลไม้ผ่านการประมูล (Auction) ในห้องหรือประมูลออนไลน์ทางคอมพิวเตอร์ที่ไหนก็ได้ในโลก ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของผักผลไม้ในเมืองนี้จึงมีมูลค่ามหาศาล เกิดธุรกิจต่อเนื่องทั้งอุปกรณ์การเกษตร ผลิตภัณฑ์เคมี การพัฒนาเครื่องจักรกลทางการเกษตรที่ทันสมัย ตลอดจนรถบรรทุกผักก็ผลิตในเมืองนี้ค่ะ

การเดินทางของต้นกล้าผัก 37 ปี พลิกชีวิตคน

เรื่องเทคโนโลยีการปลูกผักผลไม้ ให้ ต้น-ลูก-ใบ ออกมาใหญ่ยักษ์ ผลผลิตต่อไร่สูงลิบลิ่วของเขาไม่เป็นรองใคร ทว่าอย่าถามเลยว่าใส่ปุ๋ยเคมีหรือไม่ เท่าที่ไปดูแปลงผักมา 3-4 เจ้า “ใส่ทุกแปลงค่ะ” ฟีดน้ำปุ๋ยตามสายยางจากแท็งก์มาถึงรากเลย แต่ผักส่วนใหญ่ก็จัดอยู่ในระดับ “ผักปลอดภัย” นะคะ เพราะปลูกในกรีนเฮาส์ป้องกันแมลงศัตรูพืชอยู่แล้วจึงไม่ได้ฉีดพ่นยาฆ่าแมลงค่ะ

ในพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านบันทึกเรื่องราวของคุณลุงหวางไว้ มีคำบรรยายทั้งจีน อังกฤษ และเกาหลี...ไปยืนอ่านดูรู้สึกว่าใช้คำศัพท์เกาหลีแปลกๆ ไม่ค่อยได้เห็นบ่อย...มาในฟาร์มก็พบป้ายบอกทางมีตัวอักษรเกาหลีกำกับ แต่เป็นคำศัพท์ที่ไม่ได้ใช้กันในยุคนี้...ในงาน Expo พืชผักก็พบคุณป้ากลุ่มหนึ่งแต่งตัวสีแสบสันสวมแว่นกันแดดดำเก๋ไก๋ทั้งเซต พากันมาชมผักและดอกไม้ ส่งเสียงภาษาเกาหลีแปร่งหูติดสำเนียงซาทูริแบบชนบทอย่างมาก ไม่เหมือนคนเกาหลีใต้ปัจจุบัน...สันนิษฐานว่า งานในฟาร์มคงจะมีคนเชื้อสายเกาหลีหรือมาจากเกาหลีเหนือปัจจุบันทำงานอยู่ คุณป้าๆ คงเป็นเชื้อสายเกาหลีที่อพยพข้ามทะเลเหลืองเข้ามาอยู่ในจีนตั้งแต่สมัยที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดครองประเทศเมื่อร้อยปีก่อน หรืออาจเป็นเกาหลีเหนือพากันมาเที่ยวก็เป็นได้...ให้อารมณ์เหมือนไปเจอญาติ เมื่อพบคนไตพูดไทยในสิบสองปันนา ปานนั้นเลยค่ะ...

ข่าวล่าสุด

ยุคทอง YouTube Podcast เดือนเดียวยอดชมบนทีวีพุ่ง 700 ล้านชั่วโมง