posttoday

มัสยิดต้นสน ที่ประกอบศาสนกิจ และกุโบร์อายุ 400 ปี

23 เมษายน 2560

การสัมมนาเรื่องประวัติศาสตร์กรุงธนบุรีจากเอกสารชาวต่างชาติ 19-20 เม.ย. 2560 ณ โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส

โดย...ส.สต

การสัมมนาเรื่องประวัติศาสตร์กรุงธนบุรีจากเอกสารชาวต่างชาติ 19-20 เม.ย. 2560 ณ โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส ที่สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากรจัดขึ้นนั้น หลังจากฟังภาคทฤษฎีกันเต็มอิ่มเมื่อวันที่ 19 เม.ย. รุ่งขึ้นก็พาคณะที่สนใจประวัติศาสตร์ลงพื้นที่จริงที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โดยมี บุญเตือน ศรีวรพจน์ และปรีดี พิศภูมิวิถี เป็นผู้บรรยาย สลับกับผู้เชี่ยวชาญสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์

สถานที่จริงนั้นอยู่ริมคลองบางหลวงฝั่งขวา คือวัดหงส์รัตนาราม มัสยิดต้นสน วัดโมลีโลกยาราม หรือวัดท้ายตลาด และพระราชวังเดิม แต่ละสถานที่ที่กล่าวนี้เดินทางติดต่อถึงกัน บางแห่งห่างกันแค่ลำประโดง หรือคลองเล็กๆ กั้น เช่น วัดหงส์กับมัสยิดต้นสน แค่นั้นผ่านกำแพงวัด ข้ามลำประโดงที่มีสะพานระบุปีที่สร้างเป็นฮิจเราะห์ศักราชก็ถึงแล้ว จากมัสยิดต้นสนลอดใต้สะพานอนุทินสวัสดิ์ก็เข้าถึงวัดโมลีโลกยาราม จากวัดเดินเลาะกำแพงวัด หรือกำแพงวังโบราณเก่าตะไคร่จับ ประมาณ 200 เมตรก็ถึงกองทัพเรือ หรือพระราชวังเดิม ซึ่งเป็นพระราชวังของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี แต่ละสถานที่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทั้งสิ้น

มัสยิดต้นสน ที่ประกอบศาสนกิจ และกุโบร์อายุ 400 ปี มัสยิดต้นสน (ใหม่)

มัสยิดอายุ 400 ปี

วันนี้จะตามวิทยากรออกจากวัดหงส์ไปที่มัสยิดต้นสนก่อน เพราะเป็นมัสยิดโบราณข้อมูลที่กรมศิลปากรนำแจกแก่ผู้ร่วมเดินทางไปสถานที่จริงว่า มัสยิดต้นสนเดิมเรียกว่ากุฎีใหญ่หรือกะฎีใหญ่ ตั้งอยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ฝั่งธนบุรี ได้ก่อตั้งมานานตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นเวลานาน 400 ปี

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถนำมาใช้อ้างอิงได้ว่ามีมัสยิดต้นสน น่าจะเริ่มสร้างขึ้นในปี 2231 โดยพระยาราชวังสันจางวางอาสาจาม ในช่วงปลายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งในช่วงแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั้นมีขุนศึกและขุนนางมุสลิมที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิดอยู่หลายท่าน ได้แก่ พระยาท้ายน้ำ พระยารามเดโช พระยายมราช พระยาสีหราชเดโช พระยาราชวังสัน ซึ่งรับใช้ราชการสงครามจนเป็นที่โปรดปรานยิ่ง และล่วงเลยมาจนถึงกรุงธนบุรี ก็มีเจ้าพระยาจักรี (หมุด) พระยายมราช (หมัด) และพระยาชลบุรี (หวัง) ซึ่งเป็นเชื้อสายสุลต่านสุลัยมานชาห์

เกือบทุกท่านที่กล่าวมามีส่วนผูกพันและเกี่ยวข้องกับมัสยิดต้นสน ในด้านการค้ามีพระยาจุฬาราชมนตรี เป็นเจ้ากรมท่าขวาในราชการฝ่ายพระคลัง ทำหน้าที่ดูแลมุสลิมต่างประเทศที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในกรุงศรีอยุธยา และทำหน้าที่ติดต่อค้าขายกับประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามและพ่อค้ามุสลิม ล่วงเลยมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์บรรพชนชาวมัสยิดต้นสนก็ยังได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นขุนนางรับใช้ราชสำนักทั้งในวังหลวงและวังหน้า ในกรมอาสาจามและกรมท่าขวา เช่น พระยาราชวังสันจางวางอาสาจาม พระยาจุฬาราชมนตรี พระยากัลยณภักดี พระลักษมณา พระกัลยาณภักดี เป็นต้น

มัสยิดต้นสน ที่ประกอบศาสนกิจ และกุโบร์อายุ 400 ปี แผ่นไม้ประชุมทิศ ที่มัสยิดต้นสน

ในอาคารอบรมศาสนา

วิทยากรพาเข้าไปภายในอาคารที่มีการบรรยายเรื่องศาสนาแก่ผู้เข้าอบรมจำนวนหนึ่ง เพราะเป็นสถานที่อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรม

ส่วนวิทยากรได้เล่าถึงความเป็นมาของของแผ่นไม้ประชุมทิศ เมี๊ยะห์รอบ และมิมบัร (ที่นั่งบรรยายธรรม) สร้างด้วยไม้สัก หน้าจั่วแกะลวดลายลงรักปิดทองอย่างงดงาม ว่ามีความเป็นมาอย่างไร พอสมควรแก่เวลาก็พาเข้ามัสยิด สถานที่ประกอบศาสนกิจประจำของมุสลิม บรรยายให้ฟังเรื่องต่างๆ แล้วได้พาไปที่กุโบร์ซึ่งอยู่ติดกัน เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีมุสลิมผู้กล้าหาญคนแล้วคนเล่า ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ร่างกายของท่านเหล่านั้นถูกฝังที่กุโบร์ต้นสนแห่งนี้ ในจำนวนนั้นศพของจุฬาราชมนตรีถึง 9 ท่านก็ฝังที่นี่ ไม่รวมมุสลิมอีกหลายท่านในอดีตที่เป็นบุคคลสำคัญ บางท่านมีตำแหน่งบริหารสูงเป็นถึงสมุหนายกในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี เช่น เจ้าพระยาจักรี (หมุด) และพระยาราชบังสัน (ฉิม) ในสมัยรัชกาลที่ 1 เป็นต้น

ป. บุนนาค เขียนในธนบุรีมีอดีตว่า ศพเจ้าจอมหงส์ในรัชกาลที่ 1 ก็ฝังที่กุโบร์แห่งนี้ด้วย

มัสยิดต้นสน ที่ประกอบศาสนกิจ และกุโบร์อายุ 400 ปี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม วิทยากรและผู้บริหารกรมศิลป์ ถ่ายภาพร่วมกันเมื่อ 19 เม.ย. 2560

ข้อมูลที่สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์เผยแพร่ ได้กล่าวถึงความใกล้ชิดระหว่างสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีกับชุมชนมุสลิมว่า หลังจากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงกอบกู้เอกราชสำเร็จเมื่อปี 2310 แล้ว ได้ทรงตั้งราชธานีใหม่ที่กรุงธนบุรี ณ ปากคลองบางกอกใหญ่ มีพระราชวังเป็นที่ประทับอยู่ไม่ไกลจากกุฎีใหญ่นัก (มัสยิดต้นสน)ต่อมาสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีพระราชทานที่ดินเพิ่มขึ้น เพื่อขยายส่วนที่เป็นกุบุร (สุสาน) ใช้สำหรับฝังศพข้าราชการและทหารชาวมุสลิม บุคคลสำคัญ และบุคคลทั่วไปตามที่กล่าวแล้ว

เนื่องจากอายุมัสยิดยาวนาน จึงมีการก่อสร้างเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา สถาปัตยกรรมก่อสร้างบางครั้งก็รักษาศิลปกรรมแบบไทย นั่นคือคล้ายกับกุฏิพระสงฆ์ในศาสนาพุทธ จึงมีชื่อเรียกว่ากุฎีใหญ่ มีเรื่องเล่าว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 เสด็จผ่านคลองบางหลวง ทรงยกพระหัตถ์แสดงความเคารพ ทรงเข้าพระทัยว่าเป็นวัดเพราะมีช่อฟ้าใบระกา เมื่อผู้ใกล้ชิดกราบบังคมทูลว่าเป็นมัสยิดของศาสนาอิสลาม พระองค์จึงให้หลวงโกชาอิสหาก ซึ่งเป็นมุสลิมที่ใกล้ชิดให้รื้อช่อฟ้าใบระกาออก เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดต่อไป 

 ต่อมาก็รื้อและเปลี่ยนแปลงอีกหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อปี 2496 เป็นต้นมาที่มีการรื้อและสร้างมัสยิดต้นสนขึ้นใหม่ เปลี่ยนมาเป็นสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม มีโดมด้านหน้า ออกแบบมิมบัรและเมี๊ยะห์รอบใหม่ และมีการบูรณะปรับปรุงเสริมสร้างมาโดยตลอด ทั้งนี้เนื่องด้วยบรรพบุรุษในชุมชนแห่งนี้เห็นความสำคัญของศาสนสถาน ส่งเสริมให้มีการศึกษา ปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมตามหลักศาสนา ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นมุสลิมที่ดี เป็นพลเมืองดี มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และร่วมกันพัฒนาชุมชน บ้านเมือง ให้มีความเจริญก้าวหน้าสืบไป

ชื่อมัสยิดต้นสนมีที่มา

ส่วนชื่อมัสยิดต้นสนนั้น กล่าวว่า เมื่อสร้างกำแพงใหญ่ล้อมรอบกุฎีใหญ่มีความหนามาก หลวงโกชาอิสหากได้ขอตอต้นสนจากพระบรมมหาราชวังมาปลูกไว้ที่ข้างเสาหน้าประตูทางเข้าทั้งสองด้าน เมื่อต้นสนเติบโตขึ้นสูงชะลูดแลเห็นแต่ไกล กุฎีใหญ่จึงได้รับขนานนามใหม่ว่ามัสยิดต้นสน และได้ใช้นามนี้เป็นทางการในปัจจุบัน 

มัสยิดต้นสน ที่ประกอบศาสนกิจ และกุโบร์อายุ 400 ปี ประชาชนที่สนใจประวัติศาสตร์ ฟังวิทยากรบรรยายในกุโบร์เห็นที่ฝังศพเจ้าพระยาจักรี (หมุด) ด้านหน้า

มัสยิดต้นสน ที่ประกอบศาสนกิจ และกุโบร์อายุ 400 ปี หลุมฝังศพเจ้าพระยาจักรี (หมุด)

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025