posttoday

สมการปรองดองในกรณี ‘ปลาโลมา ปลาวาฬ ปลาซิว’

07 เมษายน 2560

โดย...ไชยันต์ ไชยพรในบรรดาหลายเรื่องของนิทานอีสป มีเรื่องหนึ่งชื่อ “ปลาโลมา ปลาวาฬ และปลาซิว” เนื้อเรื่องมีดังนี้ คือ “ครั้งหนึ่งได้มีปลาโลมากับปลาวาฬกำลังทำสงครามกันอย่างดุเดือด เมื่อการต่อสู้พุ่งถึงขีดสูงสุด ปลาซิวตัวหนึ่งก็โผล่หัวขึ้นจากเกลียวคลื่นแล้วบอกว่ามันจะช่วยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งของทั้งสองให้ ถ้าพวกเขายอมให้มันเป็นกรรมการตัดสิน ปลาโลมาตัวหนึ่งจึงตอบว่า ‘เรายอมตายในการสู้รบกันดีกว่ายอมให้เจ้าเข้ามายุ่งในเรื่องของเขา’ และใน http://www.nithandd.com/1670 ที่ผู้เขียนคัดลอกเนื้อเรื่องมานี้ ลงท้ายไว้ว่า “เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : อย่ายุ่งเรื่องของผู้อื่น”ในแง่หนึ่ง ก็เป็นไปได้ว่านิทานอีสปตอนนี้สอนว่า “อย่ายุ่งเรื่องของผู้อื่น” แต่ถ้าพิจารณาตัวละครในเรื่องแล้ว อุทาหรณ์สอนใจน่าจะมีมากกว่าเพียง “อย่ายุ่งเรื่องของผู้อื่น” เพราะอีสปคัดเลือกตัวละครในตอนนี้อย่างจงใจ นั่นคือ การทะเลาะขัดแย้งกันระหว่างปลาโลมากับปลาวาฬ  และปลาที่อาสาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย นั่นคือปลาซิว ปลาโลมาและปลาวาฬเป็นปลาใหญ่ทั้งคู่และมีคุณสมบัติความสามารถที่น่าจะสูสี มิฉะนั้นแล้

โดย...ไชยันต์ ไชยพร

ในบรรดาหลายเรื่องของนิทานอีสป มีเรื่องหนึ่งชื่อ “ปลาโลมา ปลาวาฬ และปลาซิว” เนื้อเรื่องมีดังนี้ คือ “ครั้งหนึ่งได้มีปลาโลมากับปลาวาฬกำลังทำสงครามกันอย่างดุเดือด เมื่อการต่อสู้พุ่งถึงขีดสูงสุด ปลาซิวตัวหนึ่งก็โผล่หัวขึ้นจากเกลียวคลื่นแล้วบอกว่ามันจะช่วยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งของทั้งสองให้ ถ้าพวกเขายอมให้มันเป็นกรรมการตัดสิน ปลาโลมาตัวหนึ่งจึงตอบว่า ‘เรายอมตายในการสู้รบกันดีกว่ายอมให้เจ้าเข้ามายุ่งในเรื่องของเขา’ และใน http://www.nithandd.com/1670 ที่ผู้เขียนคัดลอกเนื้อเรื่องมานี้ ลงท้ายไว้ว่า “เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : อย่ายุ่งเรื่องของผู้อื่น”

ในแง่หนึ่ง ก็เป็นไปได้ว่านิทานอีสปตอนนี้สอนว่า “อย่ายุ่งเรื่องของผู้อื่น” แต่ถ้าพิจารณาตัวละครในเรื่องแล้ว อุทาหรณ์สอนใจน่าจะมีมากกว่าเพียง “อย่ายุ่งเรื่องของผู้อื่น” เพราะอีสปคัดเลือกตัวละครในตอนนี้อย่างจงใจ นั่นคือ การทะเลาะขัดแย้งกันระหว่างปลาโลมากับปลาวาฬ  และปลาที่อาสาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย นั่นคือปลาซิว ปลาโลมาและปลาวาฬเป็นปลาใหญ่ทั้งคู่และมีคุณสมบัติความสามารถที่น่าจะสูสี มิฉะนั้นแล้วคงไม่ทำสงครามกันดุเดือดและการต่อสู้พุ่งถึงขีดสูงสุด ส่วนปลาซิวนั้นเป็นปลาเล็ก แต่ก็อาสาจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยสงครามระหว่างปลาใหญ่ทั้งสอง

ทำไมปลาซิวถึงต้องไปยุ่งกับศึกสองปลาใหญ่? ถ้าพิจารณาจากสำนวนแปลนิทานอีสปในภาษาไทยข้างต้น บางคนอาจจะติดใจตรงข้อความที่ว่าปลาซิว “โผล่หัวขึ้นจากเกลียวคลื่น” และตีความไปว่า ศึกสองปลาใหญ่สร้างความโกลาหลวุ่นวายให้กับท้องทะเล ปลาซิวได้รับความเดือดร้อน จึงโผล่หัวขึ้นจาก “เกลียวคลื่น” มาเสนอตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ถ้าตีความแบบนี้ เราก็จะเข้าใจและเห็นใจถึงความจำเป็นที่ปลาซิวต้องเสนอตัวเข้ามาเกี่ยวข้องในศึกสองปลาใหญ่ และถ้าไม่ยุ่งกับเรื่องของผู้อื่น ตนก็จะเดือดร้อนกินไม่ได้นอนไม่สุขอยู่ดี จึงจำเป็นต้องเข้ามายุ่ง เพราะศึกสองปลาใหญ่นั้นไม่ได้จำกัดความเดือดร้อนอยู่แค่สองปลาใหญ่ และถ้าเปรียบเทียบศึกสองปลาใหญ่เป็นเรื่อง “การเมือง” มันก็จะเข้าคำกล่าวที่ว่า “คุณไม่ยุ่งกับการเมือง แต่การเมืองยุ่งเรื่องของคุณ” แม้ว่าปลาซิวจะมีความจำเป็นที่ต้องเข้ามายุ่งในศึกสองปลาใหญ่ แต่การเสนอตัวเป็นคนกลางเข้ามาไกล่เกลี่ยจะสัมฤทธิผลหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แม้ไม่สัมฤทธิผล แต่อย่างน้อยปลาซิวก็พยายามแล้ว  

ถ้าพิจารณาอย่างที่กล่าวไปในย่อหน้าล่าสุดนี้ การกระทำของปลาซิวไม่เข้าข่าย “เสือกเรื่องชาวบ้าน” และความเห็นที่ว่านิทานตอนนี้สอนว่า “อย่ายุ่งเรื่องของผู้อื่น” จึงไม่ถูกต้องทั้งหมด

ถ้าพิจารณาสำนวนในภาษาอังกฤษใน http://sillydragon.com/gen_edu/Fables/Fable_0095.html จะพบว่า ปลาซิวไม่ได้โผล่หัวขึ้นจาก “เกลียวคลื่น” แต่โผล่หัวขึ้นจาก “ผิวน้ำ” (“poked his head above the surface of the water) ในแง่นี้ถ้าปลาซิวไม่ได้รับผลกระทบอะไรร้ายแรงจากศึกสองปลาใหญ่ อีกทั้งยังสามารถว่ายหนีไปไกลๆ ให้พ้นจากความสับสนวุ่นวายได้ แต่ปลาซิวก็ยังเสนอตัวเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย ก็ให้เห็นได้ชัดว่าปลาซิว “เสือกเรื่องชาวบ้าน” และนิทานตอนนี้ก็สอนว่า “ไม่ควรเสือกเรื่องชาวบ้าน” แต่ถ้านิทานตอนนี้ของอีสปต้องการสอนให้เราไม่ควรเสือกเรื่องชาวบ้านจริงๆ ก็น่าจะเดินเรื่องต่อให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเสือกเรื่องชาวบ้านของปลาซิว แต่เรื่องกลับจบเพียงแค่ว่า หนึ่งในปลาโลมาที่กำลังทำศึกกับปลาวาฬย้อนปลาซิวไปว่า ‘เรายอมตายในการสู้รบกันดีกว่ายอมให้เจ้าเข้ามายุ่งในเรื่องของเขา’ และก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับปลาซิว เพียงแต่ว่าข้อเสนอของปลาซิวนั้นไม่ได้ผล ไม่มีความหมายอะไรต่อปลาโลมา และมิพักต้องพูดถึงปลาวาฬ ซึ่งอีสปก็ไม่ได้ให้ปลาวาฬพูดอะไรออกมา ก็น่าจะแปลว่า ปลาวาฬก็ไม่สนเช่นกัน ปลาวาฬก็แสนจะใหญ่และมีฤทธิ์เดชไม่น้อย

ในสำนวนภาษาอังกฤษนี้ ลงความเห็นไว้ว่า นิทานอีสปตอนนี้ต้องการสอนว่า “certain nobodies think they are somebody when they interfere in public row” หรือ “คนไม่มีอะไร เวลาเข้าไปยุ่งเรื่องสาธารณะ มักจะคิดว่า ตัวเองมีอะไร”

และถ้าเชื่อมกับความเห็นเกี่ยวกับคติสอนใจในสำนวนภาษาไทยแล้ว ก็จะได้ความว่า เวลาชาวบ้านที่เป็นขาใหญ่เขาตีกัน แม้ว่าจะกระทบเรา เราก็ควรอยู่เฉยๆ ไว้ดีกว่า เพราะการไปเสือกอาสาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะพวกเขาไม่มีทางฟัง และแถมจะย้อนเราให้เจ็บใจว่า “ไม่ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาหัวตัวเองเสียก่อน” อย่าสะเออะ หากจะเสือกหรือสะเออะอาสา เราต้องใหญ่พอที่จะทำให้คู่กรณีต้องฟังเรา เพราะถ้าไม่ฟัง ทั้งคู่อาจโดนตบกะโหลกและบ้องหูได้ แม้ว่าเราจะใหญ่ และศึกนั้นไม่กระทบเรามากนัก แต่เรารำคาญ! 

แต่ถ้ากระทบเรามากด้วย ก็ต้องเข้าไปจัดการ ซึ่งไม่เรียกว่าเป็นการเสือกหรือสะเออะ เพราะการเสือกหรือสะเออะนั้นใช้กับปลาซิว แต่วลี “เข้าไปจัดการ” ใช้เวลาผู้มีอำนาจเข้ามาแก้ไขความขัดแย้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการไม่ควรเสือกหรือควรเข้าไปจัดการก็ขึ้นอยู่กับว่า เรารู้จักตัวเราเองดีแค่ไหน! การรู้จักตัวเอง (Know Yourself) ถือเป็นคติสำคัญของคนกรีกโบราณโดยทั่วไป และก็น่าจะมีอิทธิพลเหนืออีสปด้วย นิทานอีสปตอนนี้เกี่ยวข้องกับการเมืองและรัฐศาสตร์ตรงที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นพระเอก ผู้ร้าย หรือไม่เอกไม่ร้าย ถ้าจะเข้าไปบริหารจัดการแก้ไขอะไร ผู้นั้นจะต้องมีอำนาจและอิทธิพลเสมอ และในทางปรัชญาการเมือง ผู้มีอำนาจและอิทธิพลอาจเป็น “คนคนเดียว” หรือ “กลุ่มคน” (ทั้งภายในและภายนอกรัฐ) หรือ “ประชาชนคนส่วนใหญ่” (การรวมพลังของเหล่าปลาซิวในรัฐ!) ก็ได้ แล้วแต่บริบทสถานการณ์ และอาจมีการจับคู่รวมพลังกันหลายแบบได้อีกด้วย เช่น คนสองกลุ่มทะเลาะกันและดึงประชาชนจำนวนหนึ่งให้เข้าร่วมพวกตน พอถึงเวลาประชาชนคนส่วนที่ใหญ่กว่าและเงียบๆ กว่าก็พร้อมใจกันยกให้คนคนเดียวเข้ามาจัดการ หรือให้กลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ “ใหญ่กว่าสองกลุ่มที่ทะเลาะกัน” เข้ามาจัดการ

การจับคู่มีหลายแบบและสลับซับซ้อน แต่มีให้เรียนรู้ได้ชัดเจนจากประสบการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองของนครรัฐกรีกโบราณทั้งหลายตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 เรื่อยมา จนที่สุดต่างก็ตกเป็นเมืองขึ้นของมาซิโดเนียและโรมันผู้ยิ่งใหญ่ (นอกนครรัฐกรีกเหล่านั้น) ตามลำดับ 

ข่าวล่าสุด

จากดราม่า ‘น้องหมากินข้าวร่วมโต๊ะในร้าน’ สู่การส่องกฎหมาย Pet Friendly ของ ‘เกาหลีใต้’