โยนหินเลือกตั้งท้องถิ่น สลายฐานการเมือง
การเมืองไทยในเวลานี้นอกจากจะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เป็นคนคุมเกมแล้ว ยังมี “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นผู้ร่วมคุมเกมอีกคน
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
การเมืองไทยในเวลานี้นอกจากจะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นคนคุมเกมแล้ว ก็ยังมี “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นผู้ร่วมคุมเกมอีกคน
ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร จะแสดงท่าทีผ่านสื่อมวลชนอย่างไรจะถูกจับตาจากทุกฝ่ายเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะ "บิ๊กป้อม" แม้จะมีตำแหน่งในรัฐบาลที่มีศักดินาน้อยกว่า "บิ๊กตู่" แต่ต้องไม่ลืมว่าความอาวุโสแล้ว พล.อ.ประวิตร ถือเป็นพี่ใหญ่ของทุกคนใน คสช. โดยเป็นสถานะที่สืบต่อมาจาก "บูรพาพยัคฆ์"
ล่าสุด พล.อ.ประวิตร ส่งสัญญาณทางการเมืองอีกครั้งผ่าน “พีระศักดิ์ พอจิต” รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะหนึ่งคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองในคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ต้องการอยากให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น
"จากการลงพื้นที่ตามต่างจังหวัด เเยกย่อยทั้งภาคใต้ ภาคเหนือ หรือภาคอีสาน พูดคุยกับผู้นำท้องถิ่น ชุมชน ประชาชน พบว่าความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากเห็น โดยเมื่อสัปดาห์ที่เเล้วได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร บอกว่า อยากให้มีการจัดการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นก่อน เพื่อให้ต่อไปนักการเมืองจะไม่สามารถไปครอบงำการเลือกตั้งท้องถิ่นได้อีกเเล้ว เเต่ไม่รู้ระยะเวลาว่าจะเริ่มเมื่อใด และอาจเปลี่ยนแปลงได้" รองประธาน สนช. ระบุ
ท่าทีเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องไม่ธรรมดา เพราะต้องไม่ลืมว่า คสช.ประกาศหัวเด็ดตีนขาดมาตลอดว่ายังไม่มีการทำกิจกรรมทางการเมืองในเวลานี้ แต่เมื่อ คสช.ส่งสัญญาณดังกล่าวออกมา แสดงให้เห็นว่า คสช.กำลังมีเหตุผลทางการเมืองบางประการถึงต้องการเกิดการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อน
เหตุผลสำคัญของเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้นการส่งคนเข้าชิงพื้นที่ท้องถิ่นจากฝ่ายการเมือง
เหตุผลที่มารองรับทฤษฎีดังกล่าว คือ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 วงเงิน 1.9 แสนล้านบาท
โดยล้วงเข้าไปในโครงสร้างของงบประมาณฉบับนี้ที่เพิ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา พบว่ามีการจัดสรรงบประมาณให้กับท้องถิ่นมากเป็นพิเศษ
ดังจะเห็นได้จากกลุ่มงบประมาณรายจ่ายพื้นที่ เพื่อภารกิจพื้นที่ท้องถิ่น ภูมิภาค จังหวัด กลุ่มจังหวัด ได้รับการจัดสรรเป็นจำนวน 1.15 แสนล้านบาท คิดเป็น 60.53% ของวงเงินงบประมาณ
การจัดงบประมาณดังกล่าวถือว่าผิดธรรมชาติของการจัดทำงบประมาณกลางปี เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วการทำงบกลางปีจะเป็นไปในลักษณะของการเติมเงินให้งบกลาง ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินของรัฐบาลมากกว่า โดยพบว่างบกลางมีเพียง 2.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 12.06% ของวงเงินงบประมาณเท่านั้น
ดังนั้น การเทงบกลางปีให้กับท้องถิ่นมากเป็นพิเศษ ย่อมเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อออกมาว่า คสช.กำลังให้ความสนใจกับท้องถิ่นเป็นอย่างมาก
เมื่อมองในภาพรวมทั้งการส่งสัญญาณของ พล.อ.ประวิตร ที่อยากให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น และ การจัดสรรงบประมาณให้กับท้องถิ่น จึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากสลายกลุ่มกำลังของพรรคการเมือง
ต้องยอมรับว่าฐานของฝ่ายการเมืองจำนวนมากมีรากฐานความเข้มแข็งมาจากกลุ่มการเมืองท้องถิ่น ตั้งแต่ระดับเทศบาลไปจนถึงระดับจังหวัดผ่านการส่งคนของตัวเองเข้าไปชิงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น ทำให้เกิดการผูกขาดทางการเมืองมาเป็นเวลาหลายปี
ทั้งนี้ เป็นเหตุผลว่าทำไมพรรคเพื่อไทยถึงไม่ค่อยปราชัยในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ค่อยพลาดทำให้กับคู่แข่งในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งทั้งหมดมีปัจจัยมาจากความเข้มแข็งของขุมกำลังการเมืองท้องถิ่นที่แต่ละพรรคได้สร้างมาอย่างยาวนาน
คสช.เองก็มองเห็นถึงเครือข่ายที่ว่านี้เช่นกัน จึงได้พยายามเข้าตีเมืองขึ้นตั้งแต่เข้ามายึดอำนาจในช่วงแรกด้วยการยกเลิกการเลือกตั้งท้องถิ่น เพื่อต้องการจะจัดสรรระบบกันใหม่
เพราะฉะนั้นการส่งสัญญาณที่ว่าด้วยการเลือกตั้งท้องถิ่นรอบนี้ คสช.หวังใช้เครื่องมือที่ตัวเองมีเป็นกลไกสลายขั้วการเมืองท้องถิ่น เพื่อไม่ให้เป็นขุมกำลังของฝ่ายการเมืองที่จะช่วยอุ้มให้กลับมาเป็นใหญ่ในอนาคต