posttoday

รอซ่อม

12 มีนาคม 2560

มันก็แค่ “อ่างล้างหน้า” ที่ใช้งานไม่ได้ ​จำไม่ได้แล้วว่ามันเริ่มเสียมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ​ลองนึกย้อนคร่าวๆ ก็น่าจะเกินปีได้

โดย...ธนพล บางยี่ขัน

มันก็แค่ “อ่างล้างหน้า” ที่ใช้งานไม่ได้ ​

จำไม่ได้แล้วว่ามันเริ่มเสียมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ​ลองนึกย้อนคร่าวๆ ก็น่าจะเกินปีได้ ​แต่จะเกินมากหรือเกินน้อยนั้นเป็นเรื่องที่เกินความพยายามจะไปสืบค้นหาคำตอบที่ชัดเจน 

รู้แต่ว่า มัน “นาน” ​จนทุกคนเริ่มชินชา หลายคนเลิกสนใจไยดีกับอ่างล้างหน้าอันนี้ เพราะมันเป็นอ่างล้างหน้าในห้องน้ำที่ซ่อนอยู่ในหลืบลึก ​ภายในสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง

ถ้าไม่ใช่คนที่คุ้นเคยหรือชำนาญพื้นที่คงไม่ง่ายที่จะเข้าถึงห้องน้ำแห่งนี้ จำนวนคนใช้งานจึงน้อยกว่าห้องน้ำอื่นๆ ​อีกทั้งห้องน้ำแห่งนี้ยังมีอ่างล่างหน้าอยู่ 2 อัน เมื่ออันหนึ่งเสียไป ก็ยังมีทางเลือกให้ใช้ได้อีกอัน

​นี่จึงอาจเป็นอีกสาเหตุที่ไม่มีคนเดือดร้อนจนต้องรีบไปแก้ไขซ่อมแซม เอาเข้าจริงคงแทบไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าอ่างล้างหน้าอันนี้มันเสียด้วยอาการอะไร หรือเสียเพราะอะไร

รู้อีกทีป้ายกระดาษแข็ง “รอซ่อม” เขียนด้วยลายมือแบบไม่เป็นทางการด้วยเมจิกสีดำ ก็ถูกนำมาวางไว้ในอ่างล้างหน้าชนิดที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

อักษรเพียงแค่ไม่กี่ตัวแต่ทรงพลังรุนแรง มันทำหน้าที่สื่อสาร​ข้อความทั้ง “ทางตรง” และ “ทางอ้อม” แถมชวนให้ตีความได้หลากหลายมิติและสะท้อนสภาพบริบททางสังคมในเวลานี้ได้เป็นอย่างดี

ประการแรก ข้อความ “รอซ่อม” มันบ่งบอกว่าอ่างล้างหน้าอันนี้ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ที่ไม่ต้องไปอธิบายรายละเอียด หรือชี้แจงอาการไม่สมประกอบ​เพราะคงไม่มีใครจะมาสนใจอยู่แล้ว

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับป้ายประเภทนี้ที่เขียนด้วยข้อความอื่นๆ อาทิ “เสีย”​ หรือ “ชำรุด” ที่ทำหน้าที่บ่งบอกสภาพความเสียหายเพื่อสกัดกั้นไม่ให้คนทั่วไปมาใช้งาน

ต่างจากป้าย “ท่อตัน” หรือ “ท่อแตก” ที่นอกจากจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ใครหน้าไหนมาใช้งานแล้ว ยังบ่งบอกรายละเอียดของปัญหาให้ได้รับรู้รับทราบอาการความเสียหายในเบื้องต้นอีกด้วย

ถือเป็นอีกขั้นของการบอกเล่าเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้เกิดการฝ่าฝืนมาใช้อ่างล้างหน้า ซึ่งจะสุ่มเสี่ยงกับสภาพปัญหาน้ำล้น น้ำรั่ว จนสร้างความเลอะเทอะเปรอะเปื้อนให้กับห้องน้ำทั้งห้อง

มันต่างจากบางอาการ เช่น น้ำไม่ไหล ​แม้จะไม่มีป้ายแจ้งเตือนไว้ แต่ต่อให้ลองใช้แล้วน้ำไม่ไหลก็ไม่สร้างความเดือดร้อนทางกายภาพจากสภาพน้ำไม่ไหล จะมีเพียงก็แค่เสียอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น หรือหากลองแล้วน้ำไม่ไหลบ่อยๆ ก็คงเลิกใช้ไปเองไม่ต้องไปแจ้งเตือนอะไร 

ประการต่อมา คำว่า “รอซ่อม” ยังสะท้อนนัยมากกว่าแค่การบอกเล่าอาการเสียหาย แต่ยังอธิบายต่อไปว่า เรื่องนี้เป็นที่ “รับรู้” ของผู้ที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการ “แก้ไข” ให้กลับมาใช้งานได้ปกติ

อีกด้านยังสะท้อนให้เห็นถึงความเอาใจใส่หรือกระตือรือร้น ที่จะแก้ไขความเสียหาย ไม่ใช่รู้ว่าเสียหายแล้วก็ปล่อยให้เสียไปเรื่อยๆ ตามยถากรรม

แต่อีกมุมหนึ่งก็สะท้อนและชวนให้ตีความได้ว่า ​เรื่องความเสียหายนี้เป็นที่ “รับรู้” และกำลังจะ “แก้ไข” แต่ยังไม่อาจแก้ไขได้ด้วยเงื่อนไขใดๆ ก็ตาม

คำว่า “รอ” อีกด้านจึงเสมือนเป็นคำปฏิเสธกลายๆ ว่า ยังไม่สามารถแก้ไขได้ จึงต้อง “รอ”

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางเทคนิค เช่น ช่างซ่อมยังไม่ว่าง สินค้า วัสดุ อุปกรณ์ที่จะนำมาซ่อมยังขาดสต๊อก ไปจนถึงขาดงบประมาณ ไม่มีเงินมาซ่อมแซมความเสียหายได้ในเวลานี้

ปัญหาอยู่ที่คำว่า “รอ” นี้ มันไม่มีการระบุขอบเขตเวลาให้ชัดเจนว่า ต้องรออีกนานแค่ไหน

นี่จึงอาจเป็นแค่กลยุทธ์การยื้อเวลา ไม่ให้เกิดคนออกมาต่อว่าต่อขานความเสียหาย และทนรับไปกับสภาพตรงหน้าด้วยความหวังที่หล่อเลี้ยงด้วยคำว่า “รอ”

ชวนให้คิดถึงปัญหาอื่นๆ ในสังคมที่เรารับรู้ว่า มันเป็น​ความ “เสียหาย” จำเป็นต้องซ่อมแซม บางคนอาจไม่รู้ว่ามันเสียหายตรงไหนอย่างไร รู้แค่เสียหายต้องแก้ไข

หลายเรื่องพัฒนาไปสู่กระบวนการเรียกร้อง ทวงถาม “ปฏิรูป” จนผู้มีอำนาจ​พยายามหยิบฉวยมาใช้ประโยชน์ ทั้งขันอาสาตั้งเป้าจะพาประเทศก้าวพ้นวังวนหล่มปัญหา

กระบวนการแก้ไขต่างๆ เริ่มเดินหน้าไปอย่างแข็งขันผ่านการตั้งกรรมการที่มีชื่อย่อต่างๆ จนจำไม่หวาดไม่ไหว พัฒนาต่อยอดกลายเป็นแม่น้ำสารพัดสายที่สังคมตั้งความหวังรอดูผลงาน

ป้าย “รอซ่อม” ปรากฏให้เห็นในแทบทุกวงการ สะท้อนให้เห็นกลไกความบิดเบี้ยวใช้งานไม่ได้ในหลายพื้นที่

​แน่นอนว่าการติดป้ายรอซ่อมนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ในเมื่อสิ่งที่ยากกว่าคือการลงมือแก้ไขให้สิ่งเสียหายกลับมาใช้งานได้ และหลายๆ เรื่องที่มีปัญหาค้างคามายาวนาน ก็ยากจะแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว

ปัญหาบางเรื่องหมักหมมจนซับซ้อนจะเริ่มแก้ตรงไหนก็พานไปเกิดปัญหาอีกจุดหนึ่ง หลายเรื่องเดินไปเจอตอ หลายเรื่องติดนั่นติดนี่ จนเดินหน้าไปไม่ถึงฝั่งฝันผ่านมาปีกว่า ป้าย​ “รอซ่อม” ในอ่างล้างหน้าอันนี้เริ่มเก่าไปตามสภาพหลายคนเริ่มถามตัวเองระหว่าง “รอ” แบบไร้ความหวัง  กับการไม่คาดหวังที่จะ​ “รอ” อย่างไหนจะดีกว่ากัน

ข่าวล่าสุด

ชายแดนไทย–กัมพูชาปะทะเดือด เกมอำนาจยืดเยื้อข้ามปีใหม่