posttoday

อัตลักษณ์อีสานสู่งานศิลป์

26 กุมภาพันธ์ 2560

ตั้งชื่อหัวข้อวิจัยว่า อัตลักษณ์อีสานสู่งานศิลปกรรมร่วมสมัย แต่ ผศ.อานนท์ สังวรดี ผู้วิจัยสารภาพว่าที่จริงเขาไม่เชื่อว่ามันมีอยู่

โดย...วีระศักร จันทร์ส่งแสง เครือข่ายพุทธิกา http://www.budnet.org

ตั้งชื่อหัวข้อวิจัยว่า อัตลักษณ์อีสานสู่งานศิลปกรรมร่วมสมัย แต่ ผศ.อานนท์ สังวรดี ผู้วิจัยสารภาพว่าที่จริงเขาไม่เชื่อว่ามันมีอยู่

“ถ้าเชื่อว่ามีจะไปค้นหาทำไม เลยเชื่อว่าไม่มีในตอนแรกที่ออกไปก็พบว่าจริงๆ มันเปลี่ยนไปเรื่อยตามการเปลี่ยนไปของสังคม มนุษย์ ยุคสมัย สภาพแวดล้อม วัฒนธรรม ซึ่งเกี่ยวกับศาสนาด้วย ตรงความเชื่อประเพณีที่อยู่กับวิถีชีวิตจะขึ้นกับฤดูกาลเป็นหลัก”

อัตลักษณ์อีสานตามความเห็นของเขาคือ วิถีชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติ โดยมีฤดูกาลเป็นตัวกำหนด

“จะเห็นว่าประเพณีวิถีชีวิต กิจกรรมในรอบปี การดำรงอยู่ของท้องถิ่น ขึ้นกับฤดูกาล ศาสนา ความเชื่อ ซึ่งเชื่อมโยงกันและได้กำหนดอัตลักษณ์แบบหนึ่งๆ ขึ้นมา และมีความใกล้เคียงกันในหมู่ประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรทั่วโลก”

สิ่งที่ได้จากสัมผัสและเรียนรู้ได้รับการแปรสู่งานศิลปะภาพพิมพ์

“อีสานมีความแห้งแล้งเป็นหลัก เหมือนเปลือกไม้ที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านของเวลา รอยที่แยกจากกันเคลื่อนตัวตลอดเวลา บางทีเส้นเหล่านั้นซ้อนกัน กำหนดพื้นที่ใหม่อยู่ตลอด ผมเอามาคิดไปเรื่อย การวิจัยต้องมีที่มาที่ไป”

งานศิลป์ชุดนี้เขาได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งด้านหนึ่งเขามองว่าช่วยให้อาจารย์ด้านศิลปะมีโอกาสใช้ผลงานขอตำแหน่งทางวิชาการได้ เพียงแต่เพิ่มการจัดระเบียบและบันทึกข้อมูลดำเนินการตามกรอบงานวิจัยไว้ด้วย

“เอาพื้นผิวดินเปลือกไม้ที่เกิดจากการกระทำของอากาศมาใช้ถอดหน้าตาของชาวนา วัว ควาย ตัวด้วง ซึ่งเป็นสัตว์ตามฤดูกาลออกมาเป็นรูปทรงเค้าโครง”

อาจารย์หนุ่มจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เล่าแนวคิดที่มา ก่อนลงลึกไปถึงการใช้เทคนิคการพิมพ์แบบ Etching หรือภาพพิมพ์ร่องลึก และ Collograph หรือภาพพิมพ์ปะติด

“ใช้กระดาษแบบหนาหน่อยสร้างพื้นผิวขึ้นมาเอง ตรงที่อยากให้มีรอยแตกใช้กาวลาเท็กซ์ทารองพื้นก่อนลงสีพลาสติก เคลือบด้วยยูรีเทน เทคนิคเดียวกับที่ช่างทำพระใหม่ให้ดูเก่ามีรอยแตกลายงา ใช้กาวทาสีจะแตก ศิลปินส่วนใหญ่รู้ อยู่ที่ใครจะไปประยุกต์ใช้อย่างไร ในงานภาพพิมพ์ยังไม่มีคนใช้ ผมลองทำ อยากให้แตกมากน้อยก็ใช้วิธีควบคุมฝีแปรง พื้นผิวแม่พิมพ์ และปริมาณกาวลาเท็กซ์”

หนึ่งภาพจะใช้ 4 แม่พิมพ์ ซึ่งจะค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักของสีให้แก่ผลงาน

ส่วนในเชิงเทคนิคการพิมพ์จะใช้สีอุดลงรอยแตก ใช้กระดาษเช็ดสีส่วนเกินออกให้เหลือในร่อง แล้วนำกระดาษที่จะพิมพ์ลงวางทาบ การพิมพ์ด้วยเทคนิคนี้จึงกลับกันกับภาพพิมพ์แกะไม้ที่จะกลิ้งหมึกบนรอยนูน

ผศ.อานนท์ เล่าด้วยว่าการเลือกใช้อุปกรณ์ทำงานภาพพิมพ์ชุดนี้เกิดจากความต้องการเลี่ยงจากสารเคมี ซึ่งเป็นกระแสหลักในวงการงานภาพพิมพ์ อีกปัจจัยสถานการณ์บังคับตามต่างจังหวัดอุปกรณ์ไม่ได้เพียบพร้อมเหมือนในส่วนกลาง

ผลงานทั้ง 13 ชิ้นในชุดโครงการนี้ ไม่ได้เป็นภาพเหมือนจริงแบบ Realistic ซึ่งผู้สร้างสรรค์บอกว่า “เป็นการใช้ผลงานเทียบเคียงให้เห็นว่าอัตลักษณ์แปรเปลี่ยนไปเรื่อย ไม่มีอะไรระบุได้ชัดเจน”

แต่เขาเองให้คำจำกัดความต่อผลงานเหล่านี้ว่าเป็นเรียลลิสติก เพราะทุกภาพถอดรูปทรงจากของจริง ไม่ได้มาจากอารมณ์อย่างงานแบบ Abtract หรือนามธรรม

เพียงแต่ตามสไตล์เขาไม่ใช่ศิลปินเรียลลิสติกมาโดยตลอดอยู่แล้ว

“เอาความจริงมาประกอบเป็นกึ่งนามธรรมอย่างภาพควาย ถ้าบอกว่าควายมันก็ไม่น่าติดตาม ชัดไปมันก็ดูไร้อารมณ์ แต่ได้คิดมันสนุก”

เป็นคำเล่าถึงเบื้องหลัง แนวคิดที่มาจากศิลปินผู้สะท้อนอัตลักษณ์อีสานผ่านงานศิลป์ชุดนี้ ส่วนคนดูจะมองเห็นถึงประเพณี วิถีชีวิต กิจกรรมในรอบปีที่ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ศาสนาและความเชื่อ ที่เชื่อมโยงเกี่ยวพันกันอยู่ในภาพพิมพ์เหล่านั้นหรือไม่

คงต้องรอฟังเสียงสะท้อนของผู้เสพ

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68